สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 10 ต.ค. 2562

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 10 ต.ค. 2562


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 ต.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศว่าจะพบปะกับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งเป็นผู้นำคณะเจรจาการค้าของจีนในวันนี้ ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะมีความคืบหน้า นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของราคาหุ้นแอปเปิลยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,496.67 จุด เพิ่มขึ้น 150.66 จุด หรือ +0.57% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,938.13 จุด เพิ่มขึ้น 18.73 จุด หรือ +0.64% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,950.78 จุด เพิ่มขึ้น 47.04 จุด หรือ +0.60%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นเกี่ยวกับสัญญาณความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน และความหวังที่อังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) จะสามารถทำข้อตกลงการถอนตัวออกจาก EU (Brexit)

ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.65% ปิดที่ 382.76 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,569.05 จุด เพิ่มขึ้น 69.91 จุด หรือ +1.27%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,164.20 จุด เพิ่มขึ้น 69.94 จุด หรือ +0.58% และ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,186.36 จุด เพิ่มขึ้น 19.86 จุด หรือ +0.28%

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (10 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคาดหวังว่า อังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) จะสามารถทำข้อตกลงการถอนตัวออกจาก EU (Brexit) และนักลงทุนยังมีความเชื่อมั่นมากขึ้นเกี่ยวกับสัญญาณความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,186.36 จุด เพิ่มขึ้น 19.86 จุด หรือ +0.28%

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 ต.ค.) หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ให้คำมั่นว่าจะพิจารณาทุกทางเลือกในการสร้างเสถียรภาพตลาดน้ำมัน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากความหวังที่ว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะคืบหน้าด้วยดี

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 96 เซนต์ หรือ 1.8% ปิดที่ 53.55 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 78 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 59.10 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (10 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า หลังจากมีกระแสคาดการณ์ว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะมีความคืบหน้า

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 11.9 ดอลลาร์ หรือ 0.79% ปิดที่ 1,500.9 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 20.8 เซนต์ หรือ 1.17% ปิดที่ 17.602 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 11.2 ดอลลาร์ หรือ 1.25% ปิดที่ 907.9 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 21.20 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 1,675.90 ดอลลาร์/ออนซ์

เงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (10 ต.ค.) ขานรับแถลงการณ์ของผู้นำอังกฤษและไอร์แลนด์ ซึ่งบ่งชี้แนวโน้มการบรรลุข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ท่ามกลางสัญญาณบวกที่บ่งชี้ว่า การเจรจาจะมีความคืบหน้า

เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ที่ระดับ 1.2444 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2211 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.1005 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0974 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.6761 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6726 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 107.91 เยน จากระดับ 107.54 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9967 ฟรังก์ จากระดับ 0.9959 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3297 ดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3330 ดอลลาร์แคนาดา

Back to top button