สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 16 ต.ค. 2562

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 16 ต.ค. 2562


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (16 ต.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนก.ย.หดตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ นอกจากนี้ สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนในประเด็นฮ่องกง ยังสร้างแรงกดดันต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาด และยังได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงแบงก์ ออฟ อเมริกา

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,001.98 จุด ลดลง 22.82 จุด หรือ -0.08% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,989.69 จุด ลดลง 5.99 จุด หรือ -0.20% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,124.18 จุด ลดลง 24.52 จุด หรือ -0.30%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (16 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนไม่แน่ใจกับการทำข้อตกลงระหว่างอังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) เกี่ยวกับการถอนตัวของอังกฤษออกจาก EU (Brexit) นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความตึงเครียดครั้งใหม่ระหว่างสหรัฐและจีนเกี่ยวกับกรณีที่สหรัฐผลักดันกฎหมายสนับสนุนผู้ประท้วงในฮ่องกง

ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.14% ปิดที่ 393.46 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,696.90 จุด ลดลง 5.14 จุด หรือ -0.09% และ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่  7,167.95 จุด ลดลง 43.69 จุด หรือ -0.61% ส่วนดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,670.11 จุด เพิ่มขึ้น 40.32 จุด หรือ +0.32%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (16 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการทำข้อตกลงการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) หลังจากสหภาพยุโรป (EU) ระบุว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะทำข้อตกลงดังกล่าว หากอังกฤษไม่ให้ความยินยอมในประเด็นต่างๆ มากกว่านี้

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,167.95 จุด ลดลง 43.69 จุด หรือ -0.61%

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 ต.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะปรับลดกำลังการผลิตในการประชุมเดือนธ.ค.นี้ ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 55 เซนต์ หรือ 1.04% ปิดที่ 53.36 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 68 เซนต์ หรือ 1.16% ปิดที่ 59.42 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์อันตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนในประเด็นฮ่องกง รวมทั้งยอดค้าปลีกของสหรัฐที่หดตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเพิ่มความน่าดึงดูดให้กับทองคำ

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 10.5 ดอลลาร์ หรือ 0.71% ปิดที่ 1,494.00 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 4.3 เซนต์ หรือ 0.25% ปิดที่ 17.427 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 1.5 ดอลลาร์ หรือ 0.17% ปิดที่ 890.7 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 38.40 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 1,735 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (16 ต.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนก.ย.หดตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ

ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 108.76 เยน จากระดับ 108.84 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9947 ฟรังก์ จากระดับ 0.9986 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3193 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3203 ดอลลาร์สหรัฐ

ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1073 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1034 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.2837 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2781 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.6761 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6752 ดอลลาร์สหรัฐ

Back to top button