สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 14 พ.ย. 2562

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 14 พ.ย. 2562


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน อย่างไรก็ดี ดัชนีดาวโจนส์ขยับลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ขณะที่ดัชนี S&P500 ดีดตัวขึ้นทำนิวไฮอีกครั้ง เนื่องจากนักลงทุนขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงวอลมาร์ท และเวียคอม

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,781.96 จุด ลดลง 1.63 จุด หรือ -0.01% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,096.63 จุด เพิ่มขึ้น 2.59 จุด หรือ +0.08% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,479.02 จุด ลดลง 3.08 จุด หรือ -0.04%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (14 พ.ย.) โดยถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ขณะที่การเปิดเผยข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเยอรมนีที่ขยายตัวน้อยลงในไตรมาส 3/2562 และข้อมูลยอดค้าปลีกของอังกฤษที่ลดลง ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนด้วย

ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.36% ปิดที่ 404.41 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,901.08 จุด ลดลง 6.00 จุด หรือ -0.10%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,180.23 จุด ลดลง 49.84 จุด หรือ -0.38% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,292.76 จุด ลดลง 58.45 จุด หรือ -0.80%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (14 พ.ย.) โดยถูกกดดันจากการที่หุ้นหลายตัวในตลาดขึ้นเครื่องหมาย XD ขณะที่เงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ถ่วงหุ้นกลุ่มส่งออกลงด้วย

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,292.76 จุด ลดลง 58.45 จุด หรือ -0.80%

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 พ.ย.) เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ปรับตัวลดลง ช่วยเพิ่มความน่าดึงดูดให้กับทองคำ นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ยังเป็นแรงกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 10.1 ดอลลาร์ หรือ 0.7% ปิดที่ระดับ 1,473.40 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 11.5 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 17.028 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 8 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่ 882.80 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 27.00 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 1,702.10 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 พ.ย.) หลังจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3 ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด นอกจากนี้ ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนที่ขยายตัวต่ำกว่าคาด ยังทำให้ตลาดวิตกกังวลเกี่ยวกับความต้องการใช้น้ำมันของจีน

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 35 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 56.77 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 9 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 62.28 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 พ.ย.) หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซา ขณะที่ยูโรดีดตัวขึ้นขานรับรายงานที่ว่า เศรษฐกิจยูโรโซนยังคงมีการขยายตัวในไตรมาส 3

ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1022 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0999 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.2876 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2837 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.6784 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ  0.6830 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 108.39 เยน จากระดับ 108.77 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9880 ฟรังก์ จากระดับ 0.9893 ฟรังก์ แต่หากเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.3256 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3254 ดอลลาร์แคนาดา

 

Back to top button