สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 19 พ.ย. 2562

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 19 พ.ย. 2562


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (19 พ.ย.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลงอย่างหนัก หลังจากโฮม ดีโปท์ และโคห์ลส์ คอร์ป ซึ่งเป็นสองบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ที่ต่ำกว่าคาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นอีก หากสหรัฐและจีนยังคงไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้า

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,934.02 จุด ลดลง 102.20 จุด หรือ -0.36% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,120.18 จุด ลดลง 1.85 จุด หรือ -0.06% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,570.66 จุด เพิ่มขึ้น 20.72 จุด หรือ +0.24%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (19 พ.ย.) หลังการซื้อขายที่ผันผวน โดยตลาดถูกกดดันจากการขาดความชัดเจนเกี่ยวกับความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งทำให้นักลงทุนชะลอการเข้าลงทุนในตลาด

ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.12% ปิดที่ 405.50 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,909.05 จุด ลดลง 20.73 จุด หรือ -0.35% ขณะที่ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,221.12 จุด เพิ่มขึ้น 14.12 จุด หรือ +0.11% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,323.80 จุด เพิ่มขึ้น 16.10 จุด หรือ +0.22%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (19 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากความหวังเกี่ยวกับการที่จีนจะดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นที่ว่าพรรคอนุรักษ์นิยมซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของอังกฤษจะชนะการเลือกตั้งในเดือนหน้า ก็ได้ช่วยหนุนตลาดขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,323.80 จุด เพิ่มขึ้น 16.10 จุด หรือ +0.22%

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 3% เมื่อคืนนี้ (19 พ.ย.) เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด หลังจากผลสำรวจของนักวิเคราะห์ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 4 รวมทั้งรายงานที่ว่า รัสเซียอาจจะไม่ปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลงอีก ในการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศพันธมิตร ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 5-6 ธ.ค.นี้

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 1.84 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 55.21 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. ดิ่งลง 1.53 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 60.91 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 พ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากคำสั่งซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กดิ่งลงเมื่อคืนนี้ อย่างไรก็ดี สัญญาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้สกัดแรงบวกของตลาดในระหว่างวัน

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.40 ดอลลาร์ หรือ 0.16% ปิดที่ 1,474.30 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 11.8 เซนต์ หรือ 0.69% ปิดที่ 17.118 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. พุ่งขึ้น 17.30 ดอลลาร์ หรือ 1.93% ปิดที่ 912.30 ดอลลาร์/ออนซ์

ส่วนสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 33 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 1,737.40 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินปอนด์ยูโร, ฟรังก์สวิส และดอลลาร์แคนาดา ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (19 พ.ย.) ขณะที่นักลงทุนยังคงระมัดระวังในการซื้อขาย เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.07% สู่ระดับ 97.8588

ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9909 ฟรังก์ จากระดับ 0.9883 ฟรังก์ และแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3268 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3204 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 108.52 เยน จากระดับ 108.63 เยน

ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1078 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1074 ดอลลาร์, เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2910 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2955 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าสู่ระดับ 0.6827 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6810 ดอลลาร์สหรัฐ

Back to top button