ไม่ได้ใจตลาด

แม้จีนและสหรัฐฯ ได้ประกาศทำข้อตกลงการค้าเฟส 1 เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่ก็ยังขาดรายละเอียดและความชัดเจนอีกมาก โดยเจ้าหน้าที่จีนและสหรัฐฯ ยืนยันเพียงว่าสหรัฐฯ และจีนได้ตกลงที่จะระงับการขึ้นภาษีใหม่ในวันที่ 15 ธันวาคมและสหรัฐฯ จะลดภาษีที่เก็บอยู่เป็นบางส่วนในขณะที่จีนจะซื้อสินค้าเกษตรสหรัฐฯ เพิ่ม ซึ่งจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการยืนยันตัวเลขที่ชัดเจน


พลวัตปี 2019 : ฐปนี แก้วแดง(แทน)

แม้จีนและสหรัฐฯ ได้ประกาศทำข้อตกลงการค้าเฟส 1 เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่ก็ยังขาดรายละเอียดและความชัดเจนอีกมาก โดยเจ้าหน้าที่จีนและสหรัฐฯ ยืนยันเพียงว่าสหรัฐฯ และจีนได้ตกลงที่จะระงับการขึ้นภาษีใหม่ในวันที่ 15 ธันวาคมและสหรัฐฯ จะลดภาษีที่เก็บอยู่เป็นบางส่วนในขณะที่จีนจะซื้อสินค้าเกษตรสหรัฐฯ เพิ่ม ซึ่งจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการยืนยันตัวเลขที่ชัดเจน

นักลงทุนได้รอคอยข้อตกลงการค้าของจีนและสหรัฐฯ มานานเกือบ 19 เดือน แต่พอเอาเข้าจริง ตลาดหุ้นก็ทะยานขึ้นไม่มากอย่างที่คิดและได้เกิดการเคลื่อนไหวที่เรียกว่า “sell the news” หุ้นได้ทะยานขึ้นแรงในตอนแรก แต่ในเวลาต่อมาก็มีแรงเทขายเล็กน้อย จนในที่สุดดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดตลาดวันศุกร์เพิ่มขึ้นไม่ถึง 0.008% ในขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นเพียง 0.012%

เหตุผลที่ตลาดไม่ดี๊ด๊ากับข้อตกลงเฟส 1 ทั้งที่รอคอยมานาน ก็เพราะว่า ได้มีการคาดการณ์อยู่แล้วก่อนวันศุกร์และมีความเชื่อในตลาดเป็นทุนเดิมว่าจะมีการลงนามกันได้ และพอถึงเวลาประกาศจริง สองฝ่ายไม่ได้แถลงข่าวร่วมกัน ต่างคนต่างแถลง แม้จะบอกว่าข้อตกลงมีความยาวถึง 86 หน้า แต่ไม่ค่อยจะมีรายละเอียดออกมามาก

นอกจากนี้ยังคงมีความสงสัยเกี่ยวกับหลาย ๆ ประเด็น เช่น ตกลงว่าจีนจะซื้อสินค้าเกษตรเท่าไหร่กันแน่ ข้อตกลงนี้ครอบคลุมถึงการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาหรือไม่ ไหนจะเรื่องการโอนเทคโนโลยี และการเข้าถึงภาคการเงินอีก

ยังมีการมองกันด้วยว่า ทั้งสองฝ่ายแค่ต้องการตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 ธันวาคมเท่านั้น และในมุมมองนักวิเคราะห์นโยบาย แม้จีนและสหรัฐฯ จะสามารถตกลงการค้ากันได้ แต่สองชาตินี้ก็ยังคงมีปัญหาที่เป็นอุปสรรคมาก ได้แก่ปัญหาความมั่นคงของชาติ ความขัดแย้งเรื่องเทคโนโลยี ความกังวลเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนในฮ่องกงและปัญหาชาวมุสลิมในประเทศจีน

ดังนั้นจึงมีความเชื่อว่า ความขัดแย้งระหว่างจีนและสหรัฐฯ จะยังคงเป็นโฟกัสที่สำคัญในตลาดต่อไป และยังอาจจะเป็นสาเหตุให้เกิดความผันผวนในตลาดได้อยู่

นักวิเคราะห์ของแมคควอรี่มองว่า ข้อตกลงการค้าเฟส 1 อาจจะเพียงแค่ป้องกันไม่ให้สิ่งต่าง ๆ เลวร้ายลงด้วยการยกเลิกภาษีที่จะเก็บใหม่ แต่ก็ไม่สามารถทำให้สิ่งต่าง ๆ ดีขึ้นได้มาก ส่วนนักกลยุทธ์เอเวอร์คอร์ มองว่า ทั้งสองฝ่ายไม่ได้พูดถึงปัญหาสำคัญโดยเฉพาะเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาและได้ตั้งข้อสังเกตว่า ไม่มีการพูดถึงเรื่อง “หัวเหว่ย” เลย

สิ่งที่ต้องจับตาจากนี้ไปคือ ทั้งสองฝ่ายจะสามารถร่างกรอบทำงานตามกฎหมายและแปลข้อตกลงให้มีความเข้าใจตรงกันได้หรือไม่ และจะมีการลงนามในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนมกราคมได้จริงหรือไม่ หากไม่ได้ ข้อตกลงการค้าเฟสหนึ่งก็อาจจะล้มลงได้อีกโดยทันที และหายนะก็อาจจะมาเยือนตลาดหุ้นได้

อย่างไรก็ดี ใช่ว่าจะมีแต่มุมมองลบไปเสียทีเดียว นักกลยุทธ์ตลาดคาดการณ์ว่า ข้อตกลงการค้าที่ได้น่าจะมีความหมายต่อตลาดไม่น้อย โดยอาจเพิ่มความเชื่อมั่นของธุรกิจที่จะทำให้มีการลงทุนมากขึ้นและจะทำให้บริษัทมีกำไรมากขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีต่อหุ้นและจะทำให้นักวิเคราะห์ต้องเพิ่มประมาณการให้กับตลาดต่าง ๆ ในปีหน้า

นักเศรษฐศาสตร์ของซิตี้กรุ๊ป มองว่า แนวโน้มที่ความตึงเครียดทางการค้าไม่ลุกลามเพิ่มขึ้น ควรจะเป็นผลดีที่ช่วยทำให้เกิดการฟื้นตัวของภาคผลิต และกระตุ้นให้เกิด Animal Spirits ที่จอห์น เมย์นาร์ด เคนส์ นักเศรษฐศาสตร์ชาวอังกฤษใช้อธิบายถึงวิธีการตัดสินใจทางการเงินของผู้คน รวมถึงการซื้อและขายหลักทรัพย์ในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำหรือมีความไม่แน่นอน

แม้ว่าข้อตกลงการค้าเฟส 1 ของจีนและสหรัฐฯ ไม่ได้ใจจากตลาดมากนัก แต่อย่างน้อยบรรยากาศการค้าที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นจากนี้ไป อาจจะเป็นผลดีต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นบ้านเราด้วย มันอาจจะไม่ใช่ข้อตกลงที่เลิศเลอเพอร์เฟกต์ แต่ก็ยังดีกว่าเจรจากันไปเรื่อย ๆ โดยไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง

Back to top button