เปิดสถานการณ์กลุ่มพลังงานปี 63 พร้อมคัด 5 หุ้น “น้ำมัน-โรงกลั่น” แววฟื้นตัวรอบใหม่!

เปิดสถานการณ์กลุ่มพลังงานปี 63 พร้อมคัด 5 หุ้น "น้ำมัน-โรงกลั่น" แววฟื้นตัวรอบใหม่!


สถานการณ์และทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกส่งสัญญาณฟื้นตัวขึ้นเป็นลำดับ โดยเห็นได้จากราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์เป็นขาขึ้นตลอดช่วง 3 เดือนที่ผ่าน โดยนับตั้งแต่ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ยืนอยู่ที่ระดับ 50 เหรียญต่อบาร์เรลในช่วงต้นเดือนตุลาคมและทะยานขึ้นมาอยู่เหนือระดับ 60  เหรียญต่อบาร์เรลอย่างแข็งจนถึงปัจจุบัน (ดังภาพกราฟทิศทางราคาน้ำมันดิบประกอบ)

ขณะเดียวกันราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์มีแนวโน้มทะยานขึ้นต่อ หลังจากสหรัฐและจีนบรรลุการเจรจาข้อตกลงการค้าเฟสแรก และจีนจะลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกเร็วๆนี้ ซึ่งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันโลก

อีกทั้งล่าสุดที่ประชุมโอเปกและประเทศพันธมิตรมีมติปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันอีก 500,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นการปรับลดกำลังการผลิตมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ รวมเป็น 1.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค. 2563 (เดิมลดกำลังผลิตที่ระดับ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน)

กราฟแสดงราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์

ขณะที่เมื่อสำรวจบทวิเคราะห์ของเหล่าโบรกเกอร์หลายแห่ง ต่างพบว่ามีความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน ว่ากลุ่มพลังงานยังมีปัจจัยบวกหนุนในปี 2563 ดังนั้นทีมข่าว “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงทำการรวบข้อมูลหุ้นกลุ่มน้ำมันและโรงกลั่นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากปัจจัยบวกดังกล่าวมานำเสนอ

โดยครั้งนี้รวบรวมข้อมูลบทวิเคราะห์จากโบรกเกอร์ชั้นนำของไทยมาประกอบและแนะนำหุ้นที่โดดเด่นพร้อมราคาเป้าหมายแต่ละตัวอาทิ  PTT,PTTEP,PTTGC,BCP และ IRPC โดยข้อมูลในบทวิเคราะห์ระบุดังนี้

บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ราคาน้ำมันดิบโลกยังทรงตัวในระดับสูงขึ้น ต่อ จากประเด็น Trade war ระยะสั้นผ่อนคลาย หนุน Demand และฝั่ง Supply ที่คาดลดลงจากการตัดลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC ในปี 2563 ดีต่อหุ้นพลังงานและปิโตรเคมี เลือก PTT(FV@B 56)

บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้ม SET ถึง ไตรมาส1/2563 : Sideways Up เป้า 1,620 จุด ( หลุด 1,540 จุด = เลิก ) คาดราคาน้ำมันโลก WTI  ไตรมาส1/63 = Sideways Up กรอบ 57 – 64 เหรียญต่อบาร์เรล  รับข่าว OPEC Cut กำลังการผลิตลงอีก 5 แสนบาร์เรลต่อวันเริ่ม 1 ม.ค. – 31 มี.ค. 63 หนุนแรงซื้อคืนกลุ่มน้ำมันและโรงกลั่น ( PTT , PTTEP , PTTGC , BCP & IRPC )

บล.อาร์เอชบี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า กลุ่มพลังงานได้แรงหนุนจากกลุ่มโอเปกและกลุ่มประเทศพันธมิตรยังคงร่วมมือปรับลดกำลังการผลิต เพื่อปรับสมดุลของตลาดน้ำมันและสร้างเสถียรภาพของราคาน้ำมันดิบในตลาด นอกจากนี้นายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รัฐมนตรีพลังงานรัสเซียกล่าวว่า จะให้ความร่วมมือกับโอเปกเพื่อหนุนตลาดน้ำมันต่อไป ซึ่งกลบกระแสข่าวก่อนหน้านี้ที่ว่า รัสเซียอาจปรับเปลี่ยนกำลังการผลิตในการเข้าร่วมการปรับลดกำลังการผลิตหลังเดือนมี.ค. 63  ซึ่งจะมีการจัดประชุมอีกครั้งในเดือนมี.ค. 63 นี้ เพื่อประเมินทิศทางของราคาน้ำมันดิบและกลยุทธ์ร่วมกัน

ทั้งนี้ข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมทั้งคู่ค้าอื่น ๆ ของสหรัฐฯ ที่สามารถตกลงกันได้  จะหนุนให้มีความต้องการใช้น้ำมันดิบเช่นกัน  นอกจากนี้ตลาดคาดว่าสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาจะปรับลดลงด้วย

บล.เอเชีย เวลท์ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ราคาน้ำมันดิบ: สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดที่ 61.11 เหรียญต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 59 เซนต์ (+0.97%) และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดที่ 67.20 เหรียญต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 81 เซนต์ (+1.22%) สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้น หลังรัฐมนตรีพลังงานของรัสเซียยืนยันว่า รัสเซียและโอเปกจะเดินหน้าร่วมมือกันเพื่อปรับลดกำลังผลิต หลังจากที่ประชุมโอเปกและประเทศพันธมิตรมีมติปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันอีก 500,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นการปรับลดกำลังการผลิตมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ รวมเป็น 1.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค. 2563 (เดิมลดกำลังผลิตที่ระดับ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน)

โบรกเกอร์แนะนำซื้อ PTT,PTTEP,PTTGC,BCP และ IRPC พร้อมด้วยราคาเป้าหมาย

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT คงคำแนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 52 บาท ทั้งนี้แม้ว่าการต้องจ่ายค่าชดใช้คดีพิพาท 4.65 พันลบ.จะเป็นลบกับหุ้นในระยะสั้นแต่ก็กระทบจำกัด และราคาหุ้นตอบรับไปแล้ว ขณะที่ธุรกิจมั่นคงและกระจายความเสี่ยงดี การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯของ PTTOR ช่วย Unlock value เงินลงทุนบริษัท และจ่ายปันผลดี คาด Yield ปี 63F เท่ากับ 3.6% สำหรับแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/62 ธุรกิจโรงแยกก๊าซอ่อนแอลงแต่ธุรกิจขายก๊าซและน้ำมันดีขึ้นมาช่วยชดเชย ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับขึ้นดี เป็นแรงเสริมด้วย

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)  หรือ PTTEP (124.5 ซื้อ/เป้า 135) ได้ประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ำมันดิบกลับมาฟื้นตัว และไม่มี Over hang จากประเด็นการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันมากวนใจ  ขณะที่แนวโน้มงบไตรมาส4/62 จะยังเด่นสุดของกลุ่ม PTT เพราะมีแรงหนุนจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นจากการรับรู้การผลิตจากแหล่งเมอร์ฟี่ที่ซื้อเข้ามาเต็มไตรมาส

บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC (TP20F 60.00) Earnings Outlook : มองกำไรใกล้ผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส4/62 จากธุรกิจปิโตรเคมียังกดดันจากปัญหา Oversupply และธุรกิจโรงกลั่นมี Shutdown แต่คาดกำไรปีหน้าจะเริ่มเห็นการฟื้นตัว จากธุรกิจโรงกลั่นมีแนวโน้มดีขึ้นจากค่าการลั่นและการปิดซ่อมบำรุงลดลง Valuation: มองราคาหุ้นอยู่ในจุดฟื้นตัว และผ่านช่วงลดประมาณการของตลาดมาแล้ว ยังเป็นจุด Deep valuation P/BV 0.84x + Dividend yield สูงราว 3.5%

บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ได้ทำการศึกษาถึงผลตอบแทนของ SET ช่วงไตรมาสแรกของปีนับตั้งแต่เกิดวิกฤตทางการเงินโลกในปี 2551 และพบว่า SET Index ให้ผลตอบแทนเป็นบวกติดต่อกันถึง 10 ปี ด้วยอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 6% และหากวัดผลตอบแทน SETHD ย้อนหลัง 5ปี พบว่าสถิติค่อนข้างดี โดยให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเด่นกว่า 7% เมื่อเทียบกับ SET ที่ 4% ด้วยเหตุผลที่เราทำการศึกษามา แนะนักลงทุน เริ่มสะสมหุ้นในเดือน ม.ค. และขายเดือน เม.ย. นำโดย PTTGC (63.50), BCP (31.50), AP (7.50), LH (11.20)

บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC (ซื้อ,เป้าเชิงกลยุทธ์ 3.85 บาท) Global Play ราคาลงลึกเกินพื้นฐาน ราคาถูกหากเทียบกับราคาของต้นทุนการถือครองของผู้ถือหุ้นใหญ่(ปตท.) ที่ประมาณ 4.12 บาท/หุ้น  ปัจจุบันเทรด P/BV ปีนี้ที่ระดับ -3SD หรือต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชีปัจจุบันที่ 4.22 บาท/หุ้น

จากสถานะการณ์ดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าในปี 2563 ถือเป็นปีที่ดีของกลุ่มพลังงาน ที่ยังได้แรงหนุนจากกลุ่มโอเปกและกลุ่มประเทศพันธมิตรยังคงร่วมมือปรับลดกำลังการผลิต เพื่อปรับสมดุลของตลาดน้ำมันและสร้างเสถียรภาพของราคาน้ำมันดิบในตลาด ซึ่งจะส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวขึ้น หนุนกำไรของหุ้นในกลุ่มดังกล่าว อีกทั้งเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนหุ้นกลุ่มนี้อีกครั้ง เนื่องจากก่อนหน้าราคาหุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวลงแรงเกินพื้นฐาน ส่งผลให้มีโอกาสที่จะฟื้นตัวได้ในปี 2563 

ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button