รอเคาะขวา ?

*ประเด็นที่ “โมนิก้า” ให้ความสนใจมากเป็นพิเศษในเที่ยวนี้เป็นเรื่องของการเคาะขวารัว ๆ ในปีหน้าจะมีโอกาสเกิดขึ้นมากน้อยขนาดไหน ? เพราะสิ่งที่เห็นล่าสุดมีแต่ความกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจไปทางไหน ? รวมทั้งการอัดฉีดเม็ดเงินของรัฐบาลในลักษณะแจกฟรีไม่อั้น มันจะทำได้อีกนานแค่ไหน ? และมันจะช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจได้หรือเปล่า ? ล้วนเป็นประเด็นที่ตามหลอกหลอนคนในแวดวงตลาดเงินตลาดทุนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนะจะบอกให้


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*ประเด็นที่ “โมนิก้า” ให้ความสนใจมากเป็นพิเศษในเที่ยวนี้เป็นเรื่องของการเคาะขวารัว ๆ ในปีหน้าจะมีโอกาสเกิดขึ้นมากน้อยขนาดไหน ? เพราะสิ่งที่เห็นล่าสุดมีแต่ความกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจไปทางไหน ? รวมทั้งการอัดฉีดเม็ดเงินของรัฐบาลในลักษณะแจกฟรีไม่อั้น มันจะทำได้อีกนานแค่ไหน ? และมันจะช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจได้หรือเปล่า ? ล้วนเป็นประเด็นที่ตามหลอกหลอนคนในแวดวงตลาดเงินตลาดทุนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนะจะบอกให้

*เมื่อสถานการณ์ออกมาโทนนี้เป็นหลัก ย่อมทำให้เดี๊ยนมีเรื่องคาใจขึ้นมาในทันทีว่า วันนี้เคาะขวาทันทีดีไหม ? หรือควรจะรอเคาะขวาต่อไป เพราะการขึ้นของตลาดหุ้นไทยเมื่อวันศุกร์น่าจะเป็นเชิงเทคนิคมากกว่าเชิงพื้นฐาน “โมนิก้า” ถึงมองการทะยานขึ้นเกือบ 9 จุด ต่อจากนั้นทรุดตัวลงอย่างรวดเร็วไป 8 จุด ก่อนจะเด้งกลับมาปิดที่ระดับ 1,578.22 จุด ลบไป 0.81 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.99 หมื่นล้านบาท ไม่ใช่ของแท้แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะเป็นการขึ้นแบบไม่มีวอลุ่มซัพพอร์ตเอาเสียเลยเจ้าค่ะ

*ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้ “โมนิก้า” ต้องเริ่มมองหาหุ้นดาวเด่นปี 2563 ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อเอาไว้เป็นทางเลือกในการลงทุนระยะยาว และขอย้ำอีกครั้งว่า วันนี้ต้องโฟกัสไปยังหุ้นที่สามารถลงทุนยาวได้จริง ๆ เพื่อตัดความรำคาญเมื่อเห็นหุ้นสวิงไปมาตลอดเวลา ส่วนคนที่ถนัดเล่นสั้นเป็นชีวิตจิตใจเป็นเวลาหลายปี น่าจะไม่วอร์รี่อะไรแม้แต่นิดเดียว เพราะเป็นนักรบที่สามารถเอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์ (เจ็บมาเยอะ เลยไม่กลัว) ไงล่ะคะ

*ตัวเด่นสำหรับการเคาะขวาปีหน้าต้องพุ่งเป้าไปยัง GULF ก่อนใครเพื่อน เพราะมีตัวเลขการจ่ายไฟเชิงพาณิชย์กว่า 1 พันเมกะวัตต์ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มแวลูให้กับตัวหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ “โมนิก้า” ถึงมองการยืนปิดที่ระดับ 164.50 บาท บวกไป 0.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.28 พันล้านบาท ยังมีแก๊ปให้เล่นอย่างแน่นอน จึงอยากจะเสนอเป็นตัวเลือกให้กับแฟนคลับตั้งแต่วันนี้..ส่วนจะเคาะขวาเลย หรือจะรอเคาะขวา ก็ใช้ดุลพินิจกันเอาเองนะจ๊ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ BGRIM ทยอยปล่อยสตอรี่ออกมาเป็นระยะ และในปีหน้าก็มีทีเด็ดที่จะเอาออกมาโชว์มากมาย “โมนิก้า” จึงมองเป็นอีกหนึ่งหุ้นที่นักเล่นไม่ควรมองข้ามเป็นอันขาด ยิ่งมองในแง่ของราคาหุ้นช่วงต้นปียืนแค่ระดับ 25 บาท แต่มาถึงวันนี้หุ้นยืนที่ระดับ 52.50 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไปเกือบ 1% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 557 ล้านบาท ยิ่งทำให้เห็นความคุ้มค่าในการซื้อเก็บไว้ในพอร์ตหุ้นพะยะค่ะ

*ส่วนในรายของหุ้นสุดเลิฟอย่าง EA ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่พรายกระซิบของ “โมนิก้า” มักจะเม้าท์ถึงเป็นประจำเมื่อมีโอกาส และเหตุผลของการแนะนำก็มากจากประเด็นการต่อยอดเพื่อโต ซึ่งเป็นช็อตการเดิมพันที่น่าสนใจสำหรับกองเชียร์ที่ติดตามหุ้นตัวนี้มานาน แถมมองในมุมของราคาช่วงต้นปีอยู่ที่ 42.50 บาท พอถึงช่วงกลางปีขึ้นไปทำไฮที่ระดับ 58.50 บาท ส่วนในช่วงปลายปียืนปิดที่ระดับ 43.75 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 1.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 609 ล้านบาทแบบนี้..น่าเล่นไหม ?..อิอิอิ

*เม้าท์ถึงเรื่องที่ต้องลุ้นขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” อยากให้มองยังเรื่องราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีส่วนทำให้หุ้นพลังเสือ ESSO เข้าสู่วงรอบขาขึ้นรอบใหม่ได้จริงหรือเปล่า ? (จาก 58 เหรียญขึ้นมายืนที่ 68 เหรียญ) ประเด็นนี้ถือเป็นช็อตที่นักเล่นต้องทำการบ้านมากนิดหนึ่งว่า การขึ้นมาปิดที่ 8.60 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 1.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 183 ล้านบาท ท่ามกลางมูลค่าบัญชีอยู่ที่ระดับ 7 บาท มันฟ้องว่าราคาที่เทรดตอนนี้ต่ำเกินไปจริงไหม ?

*ย้อนกลับมาดูหุ้นไซส์กลางที่น่าจะเป็นความหวังของนักเล่นในปีหน้าอย่าง RBF กันบ้างดีกว่า! เพราะจุดไคลแม็กซ์ที่ทำให้หุ้นตัวนี้น่าสนใจมาจากโรงงานใหม่อีกหนึ่งแห่งจะเปิดอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะทำให้ตัวเลขรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ “โมนิก้า” ถึงมองการขึ้นมาปิดที่ระดับ 4.30 บาท บวกไป 0.04 บาท หรือขึ้นไปเกือบ 1% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 48 ล้านบาท ยังมีแก๊ปให้หุ้นวิ่งอีกเยอะอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ

*ส่วนหุ้นที่กำไรนอนมาตั้งแต่หัววัน แต่ราคาหุ้นยังไม่ตอบรับเท่าที่ควรอย่าง NER เดี๊ยนถือเป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวที่เหมาะต่อการลงทุนยาว ๆ (ความเป็นจริงกลับเคาะกันสั้น ๆ) จึงอยากนำเสนอเรื่องราวของหุ้นตัวนี้อีกสักหน่อย เพราะการที่หุ้นขยับก้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 2.78 บาท บวกไป 0.02 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 52 ล้านบาท มันแสดงให้เห็นว่าแรงเทขายเบาลงแล้ว (ในช่วงหลายเดือนไม่สามารถวิ่งผ่าน 2.60 บาท) หุ้นน่าจะมีโอกาสไปต่อสวย ๆ นะตัวเอง

Back to top button