5 หุ้นโรงกลั่นวิ่งคึก! รับอานิสงส์มาตรการ IMO 2020

5 หุ้นโรงกลั่นวิ่งคึก! รับอานิสงส์มาตรการ IMO 2020


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มหุ้นโรงกลั่นวิ่งคึก รับอานิสงส์มาตรการ IMO 2020 นำโดย IPRC,TOP,ESSO,BCP และ SPRC โดย บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC ณ เวลา 12.08 น. อยู่ที่ระดับ 3.84 บาท บวก 0.16 บาท หรือ 4.35% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 680.29 ล้านบาท

ส่วนบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ณ เวลา 12.05 น. อยู่ที่ระดับ 71.50 บาท บวก 1.75 บาท หรือ 2.51% สูงสุดที่ระดับ 71.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 69.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 510.88 ล้านบาท ด้าน

ด้านบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)  หรือ ESSO ณ เวลา 12.11 น. อยู่ที่ระดับ 9.25 บาท บวก 0.60 บาท หรือ 6.94% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 253.69 ล้านบาท

ส่วนราคาหุ้น บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP อยู่ที่ระดับ 29.25 บาท บวก 1.25 บาท หรือ 4.46% สูงสุดที่ระดับ 29.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 27.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 128.21 ล้านบาท

ขณะที่บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC อยู่ที่ระดับ 10.90 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 1.87% สูงสุดที่ระดับ 11 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 10.80 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 113.49 ล้านบาท

 

บล.คันทรี่ กรุ๊ป ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ว่า ในวันที่ 1 ม.ค. 20 ที่ผ่านมาเป็นวันเริ่มต้นกฎ IMO 2020 ที่บังคับให้เรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศต้องหันมาใช้เชื้อเพลิงที่มีความสะอาดมากขึ้น (ปล่อยซัลเฟอร์ไม่เกิน 0.5%) ซึ่งทางเลือกมีอยู่ไม่มากและทางเลือกที่ผู้ประกอบการเดินเรือจะใช้กันมากสุดคือหันมาใช้น้ำมันดีเซลและ สุดท้ายจะเป็นบวกตรงต่อค่าการกลั่น โดยกลุ่มที่จะได้อานิสงค์คือโรงกลั่นและเดินเรือ ส่วนหุ้นโรงกลั่นที่คาดจะได้อานิสงค์สุดได้แก่ BCP , TOP และหุ้นเดินเรือที่ได้อานิสงค์ คือ PRM

 

บล.กสิกรไทย กลุ่มหุ้นแนะนำอื่นๆ ได้แก่ 1) กลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการภาครัฐ CPALL BTS ORI TFFIF STEC CK 2) กลุ่มปันผลสูง JASIF LH TISCO TCAP 3) กลุ่มสื่อสารได้ประโยชน์จากการแข่งขันลดลง (รายได้เพิ่ม ต้นทุนลด) TRUE DTAC ADVANC INTUCH 4) กลุ่มที่ได้ประโยชน์จาก IMO 2020 TOP PRM BGC TASCO 5) กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนฟื้น AOT ERW MINT CENTEL 6) ปัจจัยเฉพาะตัว CPF GUNKUL TPCH JAS OSP TKN MEGA TU GFPT BDMS IVL RBF MAJOR PTT PTTEP BLA JMT

บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ” ESSO ราคาเป้าหมาย 9.60 บาท/หุ้น อิง PBV 1.2 เท่า โดยระบุว่า หุ้นควรจะซื้อขายระดับพรีเมี่ยมเพราะมี ROE สูงสุดในกลุ่ม นอกจากนี้ยังได้ประโยชน์จาก IMO 2563 เพราะสามารถผลิตน้ำมันเตาที่มีสัดส่วนกำมะถันต่ำ (low sulfur fuel oil หรือ LSFO) ได้

ขณะที่อัตราการดำเนินงานที่ดีขึ้นในปี 2563 และ upside ระยะยาวจากโรงงานปิโตรเคมีคอมแพล็กซ์แห่งใหม่ หุ้นมีมูลค่าซื้อขายที่ค่าพรีเมี่ยมเมื่อเทียบหุ้นกลุ่มโรงกลั่นไทยอื่นๆ (PBV 1.1 เท่าหรือ -0.25SD ต่อค่าเฉลี่ย 5 ปี) เทียบ 1.0 เท่า หรือ-1.0SD ต่อค่าเฉลี่ยของกลุ่ม)

 

บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์กำหนดคำแนะนำ “ซื้อ” IRPC ราคาเป้าหมาย 4.70 บาทต่อหุ้น โดยคาดการณ์ธุรกิจโรงกลั่นไตรมาส 4 ดีขึ้น จาก IPO ของ Saudi Aramco ธ.ค. นี้ เนื่องจาก Stock Gain ด้วยกำลังการผลิตโรงกลั่นไตรมาส 4/62 คาดการณ์ที่ 200-215 KBD สูงกว่า 193 KBD ในไตรมาสก่อน และคาดว่า Market GRM ของธุรกิจน้ำมัน จะดีขึ้นกว่าไตรมาสก่อน ด้วยผลดีของสเปรด Gas Oil/Dubai จากผลของ IMO2020

โดยคาดว่าจะสามารถกลบผลกระทบของ Crude Premium ที่น่าจะเพิ่มขึ้นราว 0.4 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในไตรมาสที่สี่นี้ ประกอบกับศักยภาพของหน่วย RDCC ที่ส่งผลดีผ่านสเปรด GRM ที่เกิดขึ้นเพิ่มเติมจาก Catalytic Cooler ที่จะส่งผลดีเมื่อสเปรดระหว่าง Brent/Dubai เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ จากการที่จะเกิด IPO ของ Saudi Aramco และการประชุมใหญ่ของ OPEC ที่คาดว่าจะออกมาในทางที่ดีขึ้นเล็กน้อยในเดือน ธ.ค. นี้ น่าจะผลดีต่อกำไรจาก Stock Gain  ที่มีสินค้าคงคลังน้ำมันดิบสูงจากค่า Freight ที่สูงในช่วงนี้ อย่างไรก็ดี ค่า Freight ที่น่าจะเกิดแพงขึ้นในไตรมาสที่สี่นี้ อาจจะจำกัด Upside ของโรงกลั่นในช่วงท้ายปีได้เล็กน้อย

สำหรับธุรกิจปิโตรเคมียืนได้จากราคา PP, Toulene & MX ที่มีเสถียรภาพจาก Trade War ธุรกิจปิโตรเคมี น่าจะมี Market GIM เพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของราคาปิโตรเคมี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผลิตภัณฑ์ Toulene และ MX ที่มีสเปรดเมื่อเทียบกับ Naphtha เนื่องจาก Gas Oil ที่ราคาดีขึ้นจาก IMO2020 และโรงงาน PX ใหม่อย่าง Hengli ที่เพิ่ง Online นอกจากนี้ PP ยังน่าจะมีราคาที่ไม่ลดลงจากเดิม เนื่องด้วย Trade War ที่ชะลอความร้อนแรงลง จากการลงนามของผู้นำทั้งสอง ใน Phase I ของ Trade Deal

Back to top button