3 หุ้นโรงแรมดิ่ง! หวั่นสนามบินคุมเข้มโรคไวรัสปอดอักเสบ-เงินบาทแข็ง ฉุดนทท.ต่างชาติหด

3 หุ้นโรงแรมดิ่ง! หวั่นสนามบินคุมเข้มโรคไวรัสปอดอักเสบ-เงินบาทแข็ง ฉุดนทท.ต่างชาติหด


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ เวลา 12.20 น. ราคาหุ้น บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT อยู่ที่ 33.75 บาท ลบ 1.75 บาท หรือ 4.93% สูงสุดที่ 35.25 บาท ต่ำสุดที่ 33.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 516.37 ล้านบาท

ราคาหุ้น บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL อยู่ที่ 23.80 บาท ลบ 1 บาท หรือ 4.03% สูงสุดที่ 24.60  บาท ต่ำสุดที่ 23.60 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 157.30 ล้านบาท

ราคาหุ้น บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW อยู่ที่ 5.35 บาท ลบ 0.25 บาท หรือ 4.59% สูงสุดที่ 5.35  บาท ต่ำสุดที่ 5.20 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 57.76 ล้านบาท

โดย บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า โรคปอดอักเสบระบาดในจีน ไทยเฝ้าระวังคุมเข้มทุกช่องทางผ่านเข้า-ออกประเทศ ข่าวนี้กดดันราคาหุ้นโรงแรม สายการบิน สนามบิน รพ.ที่เน้นลูกค้าต่างชาติ ในระยะสั้น ในช่วงปี 2546 ที่มีโรค SARS ราคาหุ้นปรับลงเฉลี่ย 5-10% และในปี 2558 ที่มีโรค MERS ราคาหุ้นปรับลงราว 4-6% แต่หลังจากควบคุมโรคได้ ราคาหุ้นกลับมาเป็นปกติ ประเด็นนี้ต้องติดตามว่าลุกลามเข้าไทยหรือไม่ หากราคาหุ้น รพ. โรงแรม สายการบิน ปรับลงแรง จะเป็นโอกาสสะสม

ส่วนบล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มีมุมมอง slightly negative sentiment ต่อข่าวการแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบ คาดว่าเป็นปัจจัยจิตวิทยาเชิงลบเล็กน้อยต่อกลุ่มโรงแรม เนื่องจากอาจทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความกังวลและชะลอการเดินทาง อย่างไรก็ตามเนื่องจากโรคดังกล่าวยังแพร่ระบาดเพียงในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน จึงอาจยังไม่กระทบภาพรวมการท่องเที่ยวทั้งหมด

แม้คาดข่าวดังกล่าวยังเป็นเพียงปัจจัยกดดันเล็กน้อยเชิงจิตวิทยา แต่ด้านปัจจัยพื้นฐานของกลุ่มโรงแรมยังไม่แข็งแกร่ง แม้นักท่องเที่ยวจะเติบโตแต่ยังไม่ส่งผลบวกต่อกลุ่มโรงแรมที่ศึกษามากนัก เนื่องจากเงินบาทที่แข็งค่าและการแข่งขันรุนแรง ทำให้ RevPAR ในเดือนต.ค. – พ.ย.ไม่ฟื้นตัว

โดย MINT มี RevPAR เดือนต.ค. – พ.ย.โรงแรมที่เป็นเจ้าของเอง (ไม่รวม Tivoli โปรตุเกสและ NH hotel)  ลดลงเล็กน้อย ซึ่งเป็นการลดลงจากทั้งต่างประเทศ และในประเทศ โดยโรงแรมในกทม. RevPAR ยังเพิ่มขึ้น แต่โดนฉุดจากโรงแรมต่างจังหวัด ในด้านธุรกิจร้านอาหารเริ่มฟื้นตัว โดย SSS กลับมาเติบโตเล็กน้อย หลังจากที่ลดลงต่อเนื่อง 10 ไตรมาส

ด้าน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ขาย” หุ้น CENTEL และราคาเป้าหมายที่ 25 บาท โดยภาพรวมของธุรกิจโรงแรมของ CENTEL คาดว่า RevPar เดือน ต.ค.-พ.ย. 2562 จะยังเดินหน้าหดตัวลงอย่างต่อเนื่องอีก 10% เมื่อเทียบจากปีก่อน เนื่องจากอัตราคาห้องพักยังคงปรับตัวลดลงซึ่งมองว่าเป็นผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเป็นหลัก

ส่วนของธุรกิจอาหารคาดว่า SSSG จะยังคงติดลบอีกราว 7% เมื่อเทียบจากปีก่อน เนื่องจาก KFC ยังคงได้เจอการแข่งขันที่สูง ขณะที่ยังคงประมาณการกำไรสุทธิในปี 2562-2563 และเบื้องต้นคาดว่ากำไรในไตรมาส 4/62 จะอยู่ที่ 400 ล้านบาท ลดลงต่อเนื่องเมื่อเทียบจากปีก่อน แม้จะเป็นช่วง High Season แต่ได้รับแรงกดดันจากการปรับปรุง 2 โรงแรม

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มกำไรสุทธิในไตรมาส 4/62 มีโอกาสที่จะออกมาต่ำกว่าที่คาดเพราะภาพรวม RevPar และ SSSG ฟื้นตัวได้น้อยกว่าที่คาดไว้ ทั้งนี้ ราคาหุ้น Underperform SET -9%/-24% ในช่วง 1 และ 6 เดือนที่ผ่านมา เพราะผลการดำเนินงานที่หดตัวลงต่อเนื่อง ขณะที่คาดว่าราคาหุ้นจะยังคง underperform อย่างต่อเนื่อง เพราะมีการปิดปรับปรุงโรงแรมขนาดใหญ่ 2 โรงแรม ประกอบกับมีความเสี่ยงเฉพาะตัวจากต่อสัญญาเช่าโรงแรมที่หัวหินกับการรถไฟฯ ซึ่งค่าเช่ามีโอกาสเพิ่มขึ้นอีก

Back to top button