SET ดีดคืน 3.39 จุด โบรกฯชี้ปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน แนะลดพอร์ตลงทุน-ถือเงินสดเพิ่ม!

SET ดีดคืน 3.39 จุด โบรกฯชี้ปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน แนะลดพอร์ตลงทุน-ถือเงินสดเพิ่ม!


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยล่าสุด ณ เวลา 10.09 น. อยู่ที่ระดับ 1,527.54 จุด ปรับตัวขึ้น 3.39 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.70 พันล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์เออีซี จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ (28 ม.ค.63) วันนี้ประเมิน SET Index ยังคงเคลื่อนไหวแดนลบ หลัง Sentiment ตลาดโดยรวมยังมีปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน จากประเด็นการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่รุนแรงคาดกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ขณะที่ปัจจัยในประเทศมีปัจจัยเสี่ยงหลักด้านการเมืองประเด็นความล่าช้าการเบิกจ่ายงบประมาณปี 63 ประเมิน SET เคลื่อนไหวในวันกรอบ 1,500 – 1,530 จุด

โดยสัปดาห์นี้มีมุมมองเชิงลบต่อ SETจากปัจจัยเสี่ยงหลัก การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าที่คาดกระทบต่อภาคธุรกิจท่องเที่ยวไทยทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวจีน และต่างชาติที่ชะลอตัว และปัจจัยความเสี่ยงการเมืองประเด็น  ส.ส. กดบัตรแทนกันในการลงมติ พ.ร.บ.งบปี 63  อาจกระทบต่อการบังคับใช้งบประมาณฯไม่เป็นไปตามกำหนดการเดิม ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศการประชุม FED ตลาดคาดคงระดับอัตราดอกเบี้ย 1.5-1.75% เป็น Base Case ที่ตลาดรับรู้แล้วประเมินกรอบการเคลื่อนไหวสัปดาห์นี้ 1,500 -1,570 จุด

ทั้งนี้แนะนำลดพอร์ตลงทุน ถือเงินสดเพิ่ม และเลือกลงทุนเล่นรอบระยะสั้น-กลาง (1-3 เดือน) กับหุ้นที่คาดมีผลประกอบการดีในหุ้น 3 กลุ่ม ดังนี้

หุ้นกลุ่มที่คาดจะได้ประโยชน์เข้าสู่ช่วงหน้าร้อนที่เสี่ยงแล้งหนัก: เลือก EASTW แม้ช่วง 9 เดือนแรกของปี 62 กำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 1,182.2 ลบ. ชะลอตัว 2.93% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน จากต้นทุนขายน้ำดิบที่เพิ่มขึ้น แต่คาดผลประกอบการจะพลิกฟื้นตัวได้ดีในปี 63 จากความต้องการการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นทั้งจากภาคอุตสาหกรรม และการประปาส่วนภูมิภาค หลังรัฐบาลประเมินสถานการณ์ภัยแล้งปีนี้รุนแรงและกินเวลานาน บวกบริษัทเตรียมแผนปรับราคาน้ำดิบใหม่หนุนอัตรากำไรขั้นต้นฟื้นปรับตัวเพิ่มขึ้น

กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสมโดยเน้นหุ้นที่กำไรช่วงไตรมาส 3/62 โตจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน และทั้งปี 62 โตต่อ แนะนำ SELIC (ช่วงไตรมาส 3/62 ทำ All time high ทั้งรายได้และกำไรคาดปี 62 เห็นการ Turnaroundของกำไรหลังเริ่มรวมงบการเงินกับ PMCT ซึ่งคาดเห็น Synergy ชัดเจนขึ้นจากการพัฒนาสินค้าใหม่และการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่), SABINA: ช่วงไตรมาส 4/62 คาดยอดขายจะเร่งตัวขึ้นผ่านการจัดโปรโมชั่นและการทำการตลาด ส่งท้ายปีรวมถึงการรุกขยายช่องทางขายผ่าน Online มากขึ้นคาดเห็นการเติบโตต่อเนื่องในไตรมาส 4/62 ทั้งจากไตรมาสก่อน และจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ขณะที่ปี 63 คาดเติบโตต่อเนื่องจากการเน้นการขายผ่านช่องทางค้าปลีกแบบไม่มีหน้าร้าน บวกกับการออกผลิตภัณฑ์ใหม่กว่า 100 SKU

หุ้นกลุ่ม ร.พ.ขนาดกลางที่คาดกำไรช่วงครึ่งปีหลังของปี 62 โตเข้าสู่ High Season: PR9 (มองทั้งปี 62 โตต่อหลังกำไร ช่วง 9 เดือนแรกของปี 62 โต 10.9% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน) บริษัทยังมีศักยภาพในการเติบโตหลังแนวโน้มการทำกำไรเร่งตัวขึ้นสะท้อนผ่าน EBITDA Margin ช่วง 9 เดือนแรกของปี 62 ปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ 17.7% (จาก17.2% ช่วง 9 เดือนแรกของปี 61) บริษัทมีแผนการเติบโตที่สดใสเนื่องจากบริษัทถือเป็น Cash Company มีเงินสดต่อหุ้นมากกว่า 2 บริษัทเตรียมเปิดตึกใหม่ต้นปี 63 เพื่อรองรับลูกค้าได้เพิ่มกว่าเท่าตัวหลังเกิด Over demand ในกลุ่มลูกค้า ICU-CCU (คิดเป็นกว่า 30% ของรายได้)

และศูนย์บริการที่ถือเป็นไฮไลท์ใหม่อย่าง Pain Management and Wellness Center ขยายฐานลูกค้าต่างชาติครอบคลุมทั้งจีนและกลุ่มอาเซียนรวมถึงกลุ่มลูกค้าประกันองค์กรและผู้ประกันตนด้วยคาดหนุน บ.มีโอกาสคุ้มทุนได้เร็วกว่าที่ตลาดคาดนอกจากนี้ Consensus ให้Valuation ที่ถูกสุดเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมทั้งในแง่ Forward PE เพียง 17.74X, P/BV 1.64X และ EV/EBITDA 9.09X (อุตฯ อยู่ที่ PE 29.02X, P/BV 1.89X และ EV/EBITDA 21.88X)

Trading Idea

กลุ่มผู้ส่งออกอาหาร : มีปัจจัยบวก 1) ได้ประโยชน์ทางอ้อมจากสถานการณ์ไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ทำให้ความต้องการนำเข้าเนื้อสัตว์เพิ่มขึ้นจากทั้งจีนและฮ่องกงเป็นบวกทั้งปริมาณและราคาขายที่มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นได้ต่อเนื่อง 2) ค่าเงินบาทยังมีทิศทางอ่อนค่าล่าสุดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 30.61 อ่อนค่า 0.60 บาท หรือ 2% นับตั้งแต่ต้นปีจีนถึงปัจจุบัน 3) ต้นทุนทรงตัวจากราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์หลัก ได้แก่ ข้าวโพดและกากถั่วเหลืองทรงตัวกลุ่มนี้เลือก CPF, TFG, GFPT

ขณะเดียวกัน บล.กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ โดยมีมุมมองเป็นลบคาด SET Index อ่อนตัวลงทดสอบแนวรับ 1,510 – 1,515 จุดก่อนจะสลับรีบาวด์ เนื่องจากนักลงทุนยังคงอยู่ในภาวะ Risk off (สะท้อนจาก US Bond yield 10 ปี ปรับตัวลงและราคาทองคำดีดตัวขึ้น) จากความกังวลการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่โดยล่าสุดตัวเลขผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 82 ราย และผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 2,927 ราย ส่งผลให้จีนสั่งห้ามคณะทัวร์จีนรวมถึงการขายแพ็กเกจเที่ยวบิน โรงแรมเพื่อให้ชาวจีนที่จะเดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งกระทบต่อกลุ่มท่องเที่ยว โรงแรมและสายการบิน รวมถึงภาวะเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตามคาดว่าดัชนีจะมีสลับรีบาวด์ในช่วงอ่อนตัวหลังวานนี้ดัชนีทรุดตัวลงแรงตอบรับข่าวไปบ้างแล้ว ประกอบตัวเลขผู้เสียชีวิตและติดเชื้อเริ่มชะลอลงในช่วงสั้นซึ่งหากไม่เร่งตัวขึ้นอีกจะเป็น sentiment บวกให้ดัชนีรีบาวด์ขึ้นได้

 

Back to top button