‘พี่กอง’ คุมเกม

ต้องยอมรับความจริงกันว่าตลาดหุ้นไทย กลุ่มนักลงทุนสถาบัน (กองทุน) เขาคุมเกมอยู่


ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร

ต้องยอมรับความจริงกันว่าตลาดหุ้นไทย กลุ่มนักลงทุนสถาบัน (กองทุน) เขาคุมเกมอยู่

ส่วนกลุ่มต่างชาติ ช่วงปีหลัง ๆ ขายออกไปเยอะ

ทำให้บทบาทเหมือนจะลดน้อยถอยลงไป แรงซื้อหรือขายออกมาในแต่ละวัน จึงดูป้อแป้ ๆ

ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ล่าสุดที่ออกมา บอกว่า สัดส่วนของต่างชาติที่ลงทุนในตลาดหุ้นไทยอยู่ประมาณ 29-30%

ส่วนนักวิเคราะห์เองก็คาดว่า สัดส่วนต่างชาติน่าจะทรง ๆ อยู่บริเวณนี้

ย้อนกลับมาที่กองทุน หรือ “พี่กอง” กัน

วันไหนที่มีปัจจัยบวกหนุน แรงซื้อจากฝั่งกองทุนจะเข้ามาค่อนข้างมาก และทำให้ตลาดวิ่งขึ้นแรง ปิดบวกได้ เช่น เมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่กองทุนซื้อสุทธิกว่า 1,895 ล้านบาท

จริงแล้ว วันที่ดัชนีหลุด 1,500 จุด

นักวิเคราะห์ต่างมองว่า สัญญาณเทคนิคไม่ดี

และมีโอกาสที่ดัชนีจะปรับลงต่อได้ พร้อมกับมองแนวรับขาลงของดัชนีรอบนี้บริเวณ 1,460 จุด

แต่อย่างว่าแหละ

ตลาดหุ้นถูกคุมเกมโดยกองทุนต่าง ๆ ทำให้ “สัญญาณทางเทคนิค” แทบจะวัดผลอะไรไม่ได้เลย

โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวนแบบนี้

และมีปัจจัยบวก และลบเข้ามาในแต่ละวันแบบสลับกันไป

ตลาดหุ้นตอนนี้จึงต้องวัดใจกองทุนเท่านั้น

เล่นแบบ Day trade กันสนุกสนานเลย

ได้เข้าไปดูบทวิเคราะห์ของหลายโบรกเกอร์

ส่วนใหญ่ยังมองว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยในเดือนก.พ.นี้ น่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,460–1,550 จุด หรือสวิงขึ้นลงเกือบ 100 จุดเลยล่ะ

แต่ก็มีมุมมองเพิ่มอีกว่า ดัชนียังมีความเสี่ยงที่จะลงมาบริเวณ 1,480 จุดได้อีก

มีคำถามว่า แล้วจะดูจังหวะซื้อขายของกองทุนอย่างไร

มีข้อมูลจาก บล.บัวหลวง ที่น่าจะพอเป็นแนวทางได้บ้าง

บล.บัวหลวง ระบุว่า ที่ผ่านมากองทุนได้ทยอยออก กองทุนใหม่ภายใต้ กองทุนรวมเพื่อการออม SSF ตั้งแต่สัปดาห์หน้า (10–14 ก.พ.) เป็นต้นไป

หลังจากกฎหมายนี้ มีผลบังคับใช้ไปเมื่อ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา

และคาดว่าแรงขายกองทุน LTF ที่นักลงทุนทยอยไถ่ถอนในช่วงที่ผ่านมา (กองทุนขายสุทธิ ไปในเดือน ม.ค.ราว 1.3 หมื่นลบ.) จะเริ่มลดลง

เหตุผลเพราะสังเกตราคา “หุ้นขวัญใจ” ในกอง LTF ส่วนใหญ่ เริ่ม “ต่ำกว่าต้นทุน”

ด้วยราคา “หุ้นใหญ่” หลายตัวลงมาสร้างจุดต่ำสุดใหม่ในรอบ 5-7 และ 10 ปี เช่น ธนาคาร โรงแรม-อาหาร ค้าปลีก ฯลฯ

ตรรกะง่าย ๆ คือ แรงจูงใจในการขาย (ไถ่ถอนหน่วย) ล็อกกำไร เริ่มหมดลงแล้วล่ะ

และส่วนหนึ่งของเงินที่ไถ่ถอน คาดจะไหลกลับ SSF ในภาวะที่หุ้นใหญ่หลายตัว Valuation ถูก

บล.บัวหลวง ยังอ้างถึงมุมมองจากผู้บริหารของ บลจ.กสิกรไทย เกี่ยวกับกองทุน SSF ที่บอกว่ามีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก

เพราะเมื่อคิดจากจำนวนสมาชิกกองฯ สำรองเลี้ยงชีพ Provident fund ในระบบที่มีอายุต่ำกว่า 45 ปี และมีศักยภาพ เข้าลงทุนใน SSF ราว 5 แสนราย คิดเป็นเม็ดเงินลงทุนกว่า 5-7 หมื่นล้านบาท

บล.บัวหลวง จึงคาดว่า การทยอยออกกองทุน ทั้งแบบ SSF หรือ Private equity fund ช่วงนี้เป็นจังหวะที่ดี

และกองทุนน่าจะ โหลดเพิ่มสัดส่วนหุ้นไทย มากกว่าปกติ

นั่นเพราะด้วย Valuation ที่ถูกมาก

บวกกับภาวะดอกเบี้ยขาลง (ต่ำนาน) หนุนความน่าจูงใจลงทุน เพื่อรับปันผล และ ผลตอบแทน Equity yield จะดีกว่าพันธบัตร Bond yield

Back to top button