ครม.เศรษฐกิจ เคาะมาตรการบรรเทา “โควิด-19” แจกเงิน 1 พันบาท 2 เดือน!

"ครม.เศรษฐกิจ" เคาะมาตรการบรรเทา "โควิด-19" แจกเงิน 1 พันบาท 2 เดือน แก่เกษตรกร-ผู้มีรายได้น้อย!


นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมเห็นชอบมาตรการบรรเทาผลกระทบให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

โดยในส่วนของผู้ประกอบการจะมี 4 มาตรการการเงิน และ 4 มาตรการภาษี ขณะที่ความช่วยเหลือที่ให้กับประชาชนจะมีการให้เงินสำหรับการใช้จ่ายแก่ผู้มีรายได้น้อย เกษตรกร และผู้ประกอบอาชีพอิสระ เดือนละ 1 พันบาท ไม่เกิน 2 เดือน รวมทั้งลดภาระค่าใช้จ่าย ได้แก่ ค่าน้ำ ค่าไฟ เป็นต้น

ทั้งนี้ หนึ่งในมาตรการสำคัญ คือ การให้เงินแก่ผู้มีรายได้น้อย เกษตรกร ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ผ่านระบบอีเพย์เมนต์ จำนวนคนละ 2,000 บาท โดยจะให้เป็นเวลา 2 เดือน เดือนละ 1,000 บาท ส่วนตัวเลขจำนวนผู้ที่จะได้รับการช่วยเหลือ ยังต้องรอผลสรุปอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะเสนอเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุม ครม.ในสัปดาห์ต่อไป อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะเริ่มอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบได้ภายในเดือน เม.ย.63

ขณะที่มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการจะมีมาตรการ 2 ด้าน คือ มาตรการด้านการเงิน และมาตรการด้านภาษี

โดยมาตรการด้านการเงิน จะมี 4 เรื่อง ประกอบด้วย

  1. สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือ ซอฟท์โลน โดยธนาคารออมสินจะปล่อยกู้ให้กับสถาบันการเงินอื่น ๆ ในอัตราดอกเบี้ย 0.01% เพื่อให้นำไปปล่อยกู้ให้กับผู้ประกอบการอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 2%
  2. การปรับโครงสร้างหนี้ ให้สถาบันการเงินพักชำระเงินต้น ขยายระยะเวลาการผ่อนชำระลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบ
  3. การปรับโครงสร้างหนี้สำหรับลูกหนี้ที่ยังไม่เป็นหนี้เสีย (เอ็นพีแอล) และเป็นเอ็นพีแอล โดยจะให้มีการยืดเวลาชำระหนี้ ลดอัตราดอกเบี้ย ขยายเวลาการกู้เงินให้เป็นระยะเวลายาวมากขึ้น รวมถึงลดค่าธรรมเนียมต่างๆที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมาตรการนี้จะครอบคลุมทั้งลูกหนี้รายใหญ่ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และสินเชื่อบุคคล สินเชื่อบัตรเครดิต ให้ผ่อนขั้นต่ำน้อยกว่า 10%
  4. มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำของสำนักงานประกันสังคม โดยจะให้นายจ้างและลูกจ้างกู้ได้ เพื่อบรรเทาภาระและเป็นเงินทุนเวียน โดยหลังจากนี้สำนักงานประกันสังคมจะกลับไปพิจารณาหลักการดำเนินงาน

ส่วนมาตรการด้านภาษี ประกอบด้วย 4 เรื่อง ได้แก่

  1. มาตรการลดอัตราภาษีหัก ณ ที่จ่ายให้กับผู้ประกอบการเป็นการชั่วคราว เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการ
  2. ให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่กู้เงินซอฟท์โลน และผู้ประกอบการที่ทำบัญชีเดียว ให้สามารถนำภาระดอกเบี้ยเงินกู้มาคำนวณเป็นรายจ่ายหักลดหย่อนภาษีได้
  3. มาตรการส่งเสริมการจ้างงาน ให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี นำรายจ่ายมาหักลดหย่อนภาษีได้ 3 เท่าในช่วง 1 เม.ย.-31 ก.ค.63 เพื่อดูแลลูกจ้าง
  4. กระทรวงการคลังจะเร่งคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ประกอบการภายในประเทศให้เร็วขึ้น หากยื่นแบบผ่านระบบอินเตอร์เน็ต จะได้รับคืนไม่เกิน 15 วัน ส่วนผู้ประกอบการที่ยื่นแบบปกติจะได้คืนภายในไม่เกิน 45 วัน

นอกจากนี้  รัฐบาลยังมีมาตรการอื่นๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชน ประกอบด้วย

  1. ให้กระทรวงการคลังพิจารณาลดค่าธรรมเนียมและผลตอบแทนให้กับภาคเอกชนที่เช่าพื้นที่ราชพัสดุ
  2. ให้มีการบรรเทาค่าน้ำ ค่าไฟ ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียด
  3. ลดเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมทั้งในส่วนของนายจ้างและลูกจ้าง
  4. เร่งการใช้จ่ายงบประมาณปี 2563 ให้รวดเร็วขึ้น โดยกระทรวงคลังจะปรับปรุงขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างให้เร็วขึ้น
  5. มาตรการช่วยเหลือตลาดทุน โดยการขยายวงเงินการซื้อหน่วยลงทุนกองทุนกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) วงเงินพิเศษ โดยวงเงินใหม่จะต้องซื้อภายใน มิ.ย. 2563 และ SSF สามารถลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนได้มากกว่า 65% ระยะเวลาถือครอง 10 ปี

ด้านนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล เลขา ครม.เศรษฐกิจ กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในเดือน ม.ค.63 เติบโตได้ต่ำกว่าปกติในหลายด้าน ทั้งเรื่องการลงทุนภาคเอกชน การใช้จ่ายภาครัฐ การท่องเที่ยว การส่งออกที่ยังติดลบ ส่งผลทำให้แนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจในไตรมาส 1/63 เติบโตได้ต่ำกว่าคาดการณ์พอสมควร และจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจทั้งปี 63

ทั้งนี้ ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ขยายความรุนแรงมากขึ้น จากเดิมประเมินว่าจะจบใน 3 เดือน และจะใช้เวลาฟื้นตัวอีก 3 เดือน แต่จากการประเมินใหม่คาดว่าสถานการณ์จะจบได้ภายใน 6 เดือน และกว่าจะสร้างความมั่นใจต้องใช้เวลาอีก 3 เดือน คาดว่าเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวได้ในปลายไตรมาส 3/63 ถึงต้นไตรมาส 4/63 แต่ยังต้องติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด

“วันนี้ความเสี่ยงเรื่องเศรษฐกิจมากขึ้นเรื่อยๆ ไตรมาสที่ 1 มีผลกระทบงบประมาณไม่สามารถเบิกจ่ายได้ ใจผมคิดว่า ไตรมาส 1 คงออกมาต่ำคงต่อเนื่องจากไตรมาส 4 เมื่อปีที่แล้ว ตัวเลขเบื้องต้นเดือนมกราคมจะต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 4 อยากให้ทุกคนทำใจ รัฐบาลก็ทำใจตัวเลขไตรมาสที่ 1 ปีนี้ไม่ดี หลังจากนั้นก็หวังว่าไตรมาส 2 ตัวเลขการใช้จ่ายภาครัฐจะกลับคืนมา แต่ว่าท่องเที่ยวเราคิดว่าจะแย่ต่อเนื่องระยะเวลาหนึ่ง วันนี้ตัวเลขท่องเที่ยวหายไป 50%” นายกอบศักดิ์ กล่าว

นอกจากนั้น ที่ประชุมได้มีการหารือมาตรการบรรเทาผลกระทบสายการบินต่างๆ ทั้งเรื่องการลดค่าใช้จ่ายสายการบิน เช่น การปรับลดค่าบริการสนามบิน มาตรการลดค่าบริการการเดินอากาศ การปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินที่อยากจะขอเพิ่มถึงกลางปีนี้ เป็นต้น ซึ่งมาตรการทั้งหมดจะเสนอให้ ครม.พิจารณาต่อไป

Back to top button