PTT ที่ราคาต่ำกว่าบุ๊ก

ไม่เคยเห็นนานมาแล้วที่ราคาหุ้นของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ซึ่งเป็นหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปใหญ่ที่สุดในตลาดหุ้นไทย ราคาต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี หรือ บุ๊กแวลู


พลวัตปี 2020 : วิษณุ โชลิตกุล

ไม่เคยเห็นนานมาแล้วที่ราคาหุ้นของบริษัท ปตทจำกัด (มหาชน) หรือ PTT ซึ่งเป็นหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปใหญ่ที่สุดในตลาดหุ้นไทย ราคาต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี หรือ บุ๊กแวลู

ล่าสุดวานนี้ราคา PTT ปิดตลาดที่ 26.50 บาท ต่ำกว่าบุ็กแวลู 30.70 บาท

และค่าพี/อีต่ำสุดที่มีมานับแต่แตกพาร์หลายปีก่อน ที่ระดับใต้ 8 เท่า

หากเป็นเวลาอื่น ราคาขนาดนี้ต้องแนะให้ซื้ออย่างเดียว เพราะเทียบจากพื้นฐานที่มีกำไรสะสมมากกว่า 8.59 แสนล้านแล้ว ราคาขนาดนี้หาไม่ได้ง่าย ๆ เว้นไว้เฉพาะช่วงที่ตลาดหุ้นเลวร้ายสุด ๆ อย่างวานนี้ที่ถึงขนาดต้องทำเซอร์กิต เบรกเกอร์ในรอบกว่า 20 ปี กันเลยทีเดียว

เสียงของนักวิเคราะห์แห่งสำนักโบรกเกอร์ยามนี้จึงก้ำกึ่งระหว่างแนะให้ถือ กับแนะให้ซื้อ จากปัจจัยเสี่ยงที่คลุมเครือ

ค่ายที่แนะให้ถืออ้างว่า แม้ราคาจะต่ำกว่าพื้นฐานจากข่าวเฉพาะหน้าว่าด้วยสถานการณ์ราคาน้ำมันปั่นป่วนในตลาดโลก อาจจะทำบริษัทในเครือของ PTT ทั้งหลายแหล่ จำต้องบันทึกการขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันที่ซื้อไว้ล่วงหน้าโดยเฉพาะผลพวงทางลบจากบริษัทลูกขนาดใหญ่อย่าง PTTEP และ PTTGC

กรณีของลูกรักอย่าง PTTEP นักวิเคราะห์ที่มองโลกแง่ร้ายได้ทำการปรับลดราคาเป้าหมายของ PTTEP เป็น 70 บาท เพื่อสะท้อนความเสี่ยงในการทำกำไรปี 2563 เนื่องจากราคาน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติจะถูกกดดัน หากรัสเซียและซาอุดีอาระเบียไม่มีพัฒนาการเชิงบวกในประเด็นความร่วมมือ ราคาน้ำมันดิบอาจอ่อนตัวลงในระดับปัจจุบันควบคู่ไปกับ PTTEP จากความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างราคาทั้งสอง ราคาหุ้น PTT

ในขณะที่ PTTGC มีการประเมินว่ากำไรโรงแยกก๊าซจะถูกกดดัน แม้ว่าจะมีกำไรจากส่วนต่างของ LNG เป็นอัพไซด์ช่วยให้ผลประกอบการของบริษัทจะมีความยืดหยุ่น และช่วยให้ ปตท.ยังสามารถเพิ่มการซื้อขาย LNG แบบสปอตก็ตาม แต่ยังไม่สามารถหักกลบความเสียหายได้ดีมากพอ

ฝ่ายที่แนะให้ซื้อ แม้จะมองว่ากรณี Covid-19 ยังคงเป็นตัวแปรที่ไม่แน่นอนเนื่องจากการแพร่กระจายไม่ได้จำกัดอยู่ที่จีนเท่านั้น ซึ่งหากว่าการระบาดยังคงแพร่ออกไป ก็มีโอกาสที่จะปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันดิบและการเติบโตทางเศรษฐกิจลงด้วย ดังนั้นกำไรของกลุ่มจึงยังคงมีความเสี่ยง ทำให้จำต้องปรับลดราคาพื้นฐานเป็น 40 บาทเหตุผลเพราะสงครามราคาน้ำมันกดดันช่วงสั้น ๆ จากกรณีที่ซาอุดีอาระเบีย ประกาศลด OSP 6-8 US$/bbl และจะผลิตน้ำมันดิบเพิ่มเป็นมากกว่า 10 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนเม.ย.นี้

ค่ายที่เชียร์ให้ซื้อมองว่าราคาที่หดตัวลงเกินจริงของหุ้น PTT ไม่เหมาะสมกับข้อเท็จจริงที่ว่าบริษัทมีความผันผวนของผลประกอบการน้อยกว่าหุ้นพลังงานอื่น (ยกเว้นโรงไฟฟ้า) เนื่องจากธุรกิจกระจายความเสี่ยงเอาไว้อย่างดี

มุมมองอย่างนี้ ขึ้นกับการประเมินว่า ความขัดแย้งของคาร์เทลน้ำมัน ไม่น่าจะยั่งยืนนาน

คำถามที่ต้องค้นหาจากนี้ไปคือ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่ทรุดตัวลงหลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และพันธมิตรที่นำโดยรัสเซีย ประสบความล้มเหลวในการทำข้อตกลงปรับลดการผลิตน้ำมันในการประชุมที่กรุงเวียนนาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ซาอุดีอาระเบียเปิดฉากทำสงครามราคาน้ำมัน ด้วยการประกาศลดราคาขายน้ำมันอย่างเป็นทางการ เพื่อระบายอารมณ์ ในฐานะที่มีต้นทุนต่ำกว่า

ประเด็นคำถามคือ ใครจะเดาใจรัสเซียได้ถูก เพราะที่ผ่านมา รัสเซียนั้นเดิมเกมระหว่างประเทศ ชั้นเสมอ

สำหรับนักลงทุนเอง แม้ราคาหุ้น PTT ยังมีโอกาสผันผวนต่อจนถึงเดือนเมษายน และผลประกอบการไตรมาสแรกของหุ้นในเครือข่าย PTT อาจจะย่ำแย่ตามราคาน้ำมันดิบโลก แต่ราคาหุ้นบลูชิพที่ต่ำกว่าบุ๊กแวลู ทั้งที่ยังมีกำไรดีอยู่ถือว่าน่าสนใจ

อย่าลืมว่าคำพูดคลาสสิกของ นาธาน ร็อธไชลด์ในอดีตที่ว่า จงซื้อ เมื่อเลือดนองถนน ยังคงมีความหมายเสมอ

Back to top button