“ดาวโจนส์” ปิดพุ่ง 2 พันจุด ขานรับสภาคองเกรสเยียวยา “โควิด-19” วงเงินสูง 2 ล้านล้านดอลฯ

“ดาวโจนส์” ปิดพุ่ง 2 พันจุด ขานรับสภาคองเกรสเยียวยา “โควิด-19” วงเงินสูง 2 ล้านล้านดอลฯ


ผู้สื่อข่าวรายงานดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นกว่า 2,000 จุดเมื่อคืนนี้ (24 มี.ค.) ทำสถิติพุ่งขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งสุดนับตั้งแต่ปี 2476 โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคาดหวังว่า สภาคองเกรสสหรัฐจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการใช้มาตรการเยียวยาชาวอเมริกันและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,704.91 จุด พุ่งขึ้น 2,112.98 จุด หรือ +11.37% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,417.86 จุด เพิ่มขึ้น 557.18 จุด หรือ +8.12% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,447.33 จุด เพิ่มขึ้น 209.93 จุด หรือ +9.38%

ส่วนภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้งเมื่อคืนนี้ หลังจากมีรายงานว่า นายชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภาสหรัฐ และนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ใกล้จะบรรลุข้อตกลงในการใช้มาตรการเยียวยาชาวอเมริกันและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 โดยมาตรการดังกล่าวมีวงเงินสูงถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์

ด้านนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้ออกมาแสดงความเชื่อมั่นว่า สมาชิกพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันจะสามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับมาตรการดังกล่าวซึ่งนำเสนอโดยทำเนียบขาว

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า เขาต้องการให้เศรษฐกิจสหรัฐกลับมาเปิดอีกครั้งภายในเทศกาลอีสเตอร์นี้ แม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงพุ่งขึ้นในสหรัฐ

ทั้งนี้ เทศกาลอีสเตอร์คือวันอาทิตย์ที่ 12 เม.ย. ซึ่งหมายความว่าปธน.ทรัมป์ต้องการเปิดเศรษฐกิจสหรัฐภายในเวลาไม่ถึง 3 สัปดาห์

หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฟื้นตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 16.4% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ทะยานขึ้น 19.43% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส พุ่งขึ้น 11% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 13.7% หุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โก พุ่งขึ้น 14.5% หุ้นธนาคารแบล็คร็อค พุ่งขึ้น 13.5% หุ้นซิตี้กรุ๊ป พุ่งขึ้น 15.18%

หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเชฟรอน ทะยานขึ้น 22.72% หุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 12.37% หุ้นเบเกอร์ ฮิวจ์ พุ่งขึ้น 20.32% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 10.63% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 26.53% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี บวก 12.36%

หุ้นกลุ่มสายการบินดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ทะยานขึ้น 25.71% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 35.8% หุ้นเจ็ทบลู แอร์เวย์ส พุ่งขึ้น 37.03% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 20.96% หุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 11.65%

หุ้นโบอิ้ง ทะยานขึ้น 20.8% หลังจากผู้บริหารของโบอิ้งยืนยันว่าจะไม่ยินยอมให้รัฐบาลสหรัฐเข้าถือหุ้นในบริษัทโบอิ้งเพื่อแลกกับความช่วยเหลือในช่วงเวลาที่โบอิ้งเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ลดลง 4.4% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 765,000 ยูนิต แต่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 750,000 ยูนิต

ทางด้านไอเอชเอส มาร์กิตเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 40.5 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ จากระดับ 49.6 ในเดือนก.พ.

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.พ., ดัชนีราคาบ้านเดือนม.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2562, กำไรภาคเอกชนไตรมาส 4/2562, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.พ. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

Back to top button