เปิด 12 หุ้นเด่นเน้นปัจจัยบวกหนุน-กำไรโต พ่วง Dividend แจ่ม พร้อมรับมือ SET ผันผวน

เปิด 12 หุ้นเด่นเน้นปัจจัยบวกหนุน-กำไรโต พ่วง Dividend แจ่ม พร้อมรับมือ SET ผันผวน


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ ได้ทำการสำรวจ และรวบรวมบทวิเคราะห์ที่เกี่ยวกับการลงทุนในระยะสัปดาห์ เนื่องจากนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นสัปดาห์นี้จะยังผันผวน ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนจึงแนะนำหุ้นที่มีปัจจัยบวกหนุน โดยเฉพาะหุ้นที่ได้รับอานิสงค์จากโครงการภาครัฐ

โดย บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (13 เม.ย.2563) โดยประเมินว่า SET สัปดาห์นี้ยังผันผวนแต่มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ  หลังได้ปัจจัยหนุน ดังนี้

1) สถานการณ์ COVID-19 เริ่มมีสัญญาณที่ดีจากรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ทั้งในสหรัฐฯ ประเทศในยูโรโซนเริ่มเพิ่มในอัตราชะลอตัวลง รวมถึงไทยที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ต่ำกว่าระดับ100 รายหลายวันติดต่อกันแล้ว

2) การเดินหน้ามาตรการกระตุ้น และบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องจากบรรดาธนาคารกลาง และรัฐบาลจากหลายๆ ประเทศทั่วโลก

3) รัสเซีย และซาอุฯ ตกลงยุติสงครามราคาน้ำมันด้วยข้อสรุปลดกำลังการผลิต 9.7ลบาเรลล์ต่อวันในช่วงสองเดือนหน้า

4) ปัจจัยในประเทศ ครม.เตรียมออกมาตรการดูแลผู้ได้รับผลกระทบฯเพิ่มเติมต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีปัจจุบันตลาดปรับตัวขึ้นมาจากจุดต่ำสุดของปี 259จุด (+27%) สะท้อนความผ่อนคลายจากปัจจัยข้างต้นไปพอสมควรแล้ว ประกอบกับตัวเลขผลประกอบการไตรมาส1/63 ที่จะทยอยประกาศออกมา โดยเริ่มจากกลุ่มธนาคาร มีโอกาสออกมาไม่ดี ต่อเนื่องถึงไตรมาส 2/63 ที่ บมจ.ต่างๆ ได้รับผลกระทบจากการ Lock down เต็มๆ ทำให้อาจเห็นแรงขายทำกำไรออกมาในระหว่างสัปดาห์  เรามองกรอบการเทรดในสัปดาห์นี้ที่ 1,200-1,300 จุด พร้อมแนะนำหุ้นที่คาดมีผลประกอบการดีในหุ้น 3 กลุ่ม ดังนี้

สำหรับหุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.และงานประมูลภาครัฐฯ: แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ TEAMG: (กำไรสุทธิไตรมาส 4/62 ทำได้ 35 ลบ.โต 67% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ด้วยความเป็นผู้นำเบอร์หนึ่งมากประสบการณ์ของธุรกิจออกแบบ ควบคุมงานโครงการกว่า 42 ปี  บ.มีศักยภาพสูงหนุนเดินหน้าคว้าโปรเจคใหม่ต่อเนื่อง ปี 63 คาด Backlog ทำ New High หนุนรับรู้รายได้ไม่ต่ำกว่า 2-3 ปีจากนี้  มอง TEAMG น่าสนใจหลัง ปจบ.เทรดที่ PE ระดับ 15.5 เท่า (ขณะที่อุตสาหกรรมเทรดที่ระดับ 50.2 เท่า)

ล่าสุดประกาศรับงานใหม่ในช่วงเดือนก.พ.-มี.ค.เพิ่มทั้งหมด 5 โครงการ เป็นงานจากภาครัฐทั้งหมดโดยแบ่งเป็นงานที่ปรึกษา 2 โครงการ และงานจัดหาติดตั้งเครื่องมือ 3 โครงการโดยมีระยะเวลาดำเนินงานโครงการ 180วัน – 68เดือน รวมมูลค่างานที่ได้รับทั้งสิ้น 1.04 พันลบ.ขณะที่ความเสี่ยงภาระหนี้สินต่ำมาก โดยมีสัดส่วน Interest bearing debt/equity เพียง 0.04 เท่า นอกจากนี้ให้ Dividend Yield กว่า 6.5%),

SEAFCO (กำไรสุทธิปี 62 อยู่ที่ 409 ลบ.เพิ่มขึ้น11.22%จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 63 ทำ New High ปจบ.มี Backlog กว่า 2.7 พัน ลบ.บวกกับได้อานิสงส์บวกจากร่าง พรบ.งบประมาณฯ ที่ผ่านสภา และยังมี Upsideจากงานประมูลใหม่ จากโครงการลงทุนทั้งจากรัฐและเอกชน)

CPALL (กำไรปกติไตรมาส 4/62 ที่ 6 พัน ลบ. โต 10% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน, +8% จากไตรมาสก่อน จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นทั้งจาก 7-11

MAKRO ตั้งเป้าเปิด 7-11 เพิ่มอีก 700 สาขาในปี 63 และมีสาขาครบ 13,000 สาขาภายในปี 64 (จาก 11,712 สาขา ณ สิ้นปี 62) ประเด็นประกาศเข้าลงทุนซื้อกิจการเทสโก้ในไทยและมาเลเซีย มูลค่าลงทุนราว 1 แสน ลบ. ในสัดส่วนลงทุน 40% ติดตามการจัดหาแหล่งเงินทุนในการเข้าซื้อ โดยบริษัทแจ้งว่าใช้แหล่งเงินทุนจากกระแสเงินสดและเงินกู้ โดยยืนยันว่าไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน ระยะยาวมองเป็นบวกจาก Synergy ที่เกิดขึ้น จะทำให้กลุ่ม CP มีทั้งค้าส่ง ค้าปลีก และสะดวกซื้อครบวงจร

สำหรับกลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสมโดยเน้นหุ้นที่กำไรทั้งปี 62 โตดีและปี 63 โตต่อ แนะนำ SABINA: รายงานผลประกอบการปี 62 ออกมาดี โดยกำไร 413.2 ลบ. เติบโต 14.3% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน จากยอดขายที่โต 6.1% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน และอัตราการทำการที่ดีขึ้น GPM 54.4% NPM 12.5% เทียบกับปีก่อนหน้าที่ 51.6%,11.7% ตามลำดับสาเหตุจาก

1) ปรับสัดส่วนการจ้างผลิตจากภายนอกเพิ่มขึ้น ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็งทั้งปี

2) การขายออนไลน์ประสบความสำเร็จดีมากขณะที่ปี 63 คาดเติบโตต่อเนื่องจากการเน้นการขายผ่านช่องทางค้าปลีกแบบไม่มีหน้าร้าน บวกกับการออกผลิตภัณฑ์ใหม่กว่า 100 SKU และการเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มเติม, SSP ช่วงไตรมาส 4/62 กำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 134.2 ลบ. โต 23.1% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน คาดรายได้และกำไรปี 63 ทำ New high จากการรับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้าที่เวียดนามและมองโกเลีย ขนาดรวม 55 MW ซึ่ง COD ตั้งแต่ มี.ค. 62 และ ก.ค. 62 ตามลำดับ ขณะที่ครึ่งปีหลังของปี 63 เริ่ม COD โครงการยามากะที่ญี่ปุ่นขนาด 30 MW. หนุนกำลังผลิตรวมทั้งปีกว่า 158 MW. ล่าสุด SSP ประกาศจ่ายปันผล 0.11บ/หุ้น (Yield1.5%)

หุ้นกลุ่มปันผลดี กำไรโต Dividend Play : TISCO จ่ายปันผลปีละ 1 ครั้ง โดยรอบผลประกอบการปี 2562 ประกาศจ่าย 7.75 บาทต่อหุ้น คิดเป็นผลตอบแทนเงินปันผล 10.1% โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 27 เม.ย. 2563 นี้

Trading Idea

กลุ่มบริโภคภายในประเทศ CPALL, BJC ประเด็นทางการประกาศห้ามออกจากบ้านช่วงเวลา 22.00-04.00 น.และประกาศปิดร้านสะดวกซื้อในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ช่วงเวลา 24.00-05.00น. “มองเป็นกลาง”เพราะช่วงนี้เป็นช่วงกักตัวอยู่บ้าน และสถานที่ท่องเที่ยวกลางคืนปิดทำการทั้งหมด ทำให้ช่วงเวลาดังกล่าวมีผู้ใช้บริการน้อยอยู่แล้ว การปิดทำการช่วงเวลาดังกล่าวจะช่วยลดต้นทุนมาชดเชยรายได้ที่เสียไปได้  BJC เป็นหุ้นได้ประโยชน์จากสถานการณ์ COVID-19 ยอดขายของธุรกิจ Health care ในช่วงต้นปีถึงปัจจุบันเติบโตดีและธุรกิจบรรจุภัณฑ์เริ่มฟื้นตัวจากปีก่อน

กลุ่ม MEDIA (ทีวี) : ประเด็นกสทช. มีมติปรับลดอัตราการนำส่งเงินรายปีเข้ากองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (USO Fee) สำหรับผู้ประกอบกิจการดิจิตอลทีวีและผู้ประกอบกิจการกระจายเสียงแบบขั้นบันได หากอ้างอิงรายได้ปี2019 ผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลที่จดทะเบียนในตลาดฯที่มีรายได้เกิน1พันลบจะได้ลดอัตรานำส่งจากเดิม2%เหลือเพียง0.75%เท่านั้น แนะเก็งกำไรหุ้นที่ได้ประโยชน์ทางตรง และที่มีคอนเทนต์ดีในมือ WORK , BEC ,MCOT

Back to top button