“ศักดิ์สยาม” เปิดแผนฟื้นฟูขสมก. แก้ปัญหาขาดสภาพคล่องหนัก ชงครม.ก.ค.นี้

"ศักดิ์สยาม" เปิดแผนฟื้นฟูขสมก.หลังขาดสภาพคล่องหนัก จ่อชงครม.ก.ค.นี้


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการปรับปรุงแผนฟื้นฟูกิจการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ว่า รายละเอียดแผนงานได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหารกิจการ(บอร์ด) ขสมก.นำเสนอมายังกระทรวงคมนาคมแล้ว และได้นำเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) พิจารณาแล้ว คาดว่าจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.)ได้ภายในเดือน ก.ค.นี้

ทั้งนี้ปัจจุบัน ขสมก. ขาดสภาพคล่องอย่างหนัก โดย ณ วันที่ 29 ก.พ.63 มีหนี้สะสมรวม 129,507.311 ล้านบาท  นอกจากนี้ รถยังมีสภาพเก่า อายุใช้งานเกินกว่า 20 ปี ทำให้เกิดต้นทุนในการซ่อมบำรุง รักษาสูง มีจำนวนรถไม่เพียงพอ

ขณะที่มีจำนวนพนักงาน 13,961 คน (พนักงานขับรถ 5,781 คน พนักงานเก็บค่าโดยสาร 5,918 คน พนักงานสำนักงาน 2,263 คน ) คิดเป็นสัดส่วนรถ1 คันต่อพนักงาน 4.65 คนทำให้มีต้นทุนในการดำเนินงานสูง ซึ่งมีแผนเกษียณก่อนอายุ หรือการปรับเปลี่ยนหน้าที่ ไปขับรถที่มีความขาดแคลนได้  และอนาคตสามารถโอนไปอยู่กับ บริษัทที่เป็นผู้รับจ้างวิ่ง จากขสมก.ได้

สำหรับแผนฟื้นฟู ขสมก.นั้น มีวัตถุประสงค์ 5 ด้าน ประกอบด้วย

1.ลดค่าครองชีพให้กับประชาชน  โดยกำหนดอัตราค่าโดยสารแบบเหมาเป็นแบบตั๋ววัน 30 บาท/คน/วัน สามารถใช้บริการได้ทุกเส้นทางไม่จำกัดเที่ยว กรณีเป็นตั๋วเดือน ค่าโดยสารเฉลี่ย 25 บาท/คน/วัน ซึ่งถูกลงกว่าในปัจจุบันประมาณ 20 บาท/วัน ส่วนกรณีต้องการเดินทาง เพียงเที่ยวเดียว หรือเดินทางระยะสั้น หรือไม่ได้เดินทางทุกวันเป็นประจำจะกำหนดอัตราตามระยะทางเริ่มต้นที่ 15 บาท นอกจากนี้ จะมีส่วนลดสำหรับ นักเรียน นักศึกษา ผู้สูงอายุด้วย

ทั้งนี้ การกำหนดอัตราค่าโดยสารที่ 30 บาทตลอดวันนั้น ขสมก.ให้ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ศึกษาวิเคราะห์โดยพบว่า  ในปี 63 มีผู้ใช้บริการรถเมล์ของ ขสมก.จำนวน 530,000 คน-เที่ยว/วัน, ในปี 62 มีจำนวน 1,062,947 คน-เที่ยว/วัน แบ่งเป็นผู้ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 50,000 คน ผู้ใช้ทั่วไป 480,000 คน หาก ขสมก.  จัดเก็บค่าโดยสารปรับอากาศได้ที่ 30 บาท/คน/ตลอดวัน จากเดิมที่มีการจัดเก็บค่าโดยสารปรับอากาศเฉลี่ยที่ 15-25 บาท/คน/ เที่ยว ซึ่งจะทำให้ผู้โดยสารได้รับประโยชน์ค่าโดยสารถูกลงจากเดิมถึง 20 บาท/คน/วัน

2.แก้ปัญหาการจราจรติดขัด โดยการปรับปรุงเส้นทางเดินรถไม่ให้ทับซ้อนกัน  จากปัจจุบัน 269 เส้นทาง จะปรับเป็น  162 เส้นทาง โดยเป็นขสมก. 108 เส้นทาง เป็นรถร่วมเอกชน จำนวน 54 เส้นทาง  สามารถลดจำนวนรถที่จะนำมาให้บริการลง 300-500 คัน จากเดิมที่ต้องใช้รถจำนวน 4,800- 5,000 คัน การปฏิรูปเส้นทาง จะเหลือรถที่ให้บริการที่ 4,500 คัน

3.ลดปัญหามลภาวะในเขตกรุงเทพมหานคร (กทม.) และปริมณฑล โดยใช้รถที่ใช้พลังงาน NGV หรือรถเมล์ไฟฟ้า (EV)

4.แก้ปัญหาการขาดทุนของ ขสมก.อย่างยั่งยืน ซึ่งแผนกำหนดว่าภายใน 7 ปี หลังครม.อนุมัติ  EBITDA เป็นบวกในปี 72

5.ให้ ขสมก.สามารถเลี้ยงตัวเองได้ และไม่เป็นปัญหาต่องบประมาณของภาครัฐ โดย ขสมก.ขอรับเงินสนับสนุนการเดินรถเพื่อการให้บริการสังคม (PSO) ระยะเวลา 7 ปี (63-71) วงเงินรวมไม่เกิน 9,674 ล้านบาท  เนื่องจากในช่วงปีแรกๆ  ขสมก.ยังจะมีรายได้น้อยกว่ารายจ่ายแต่หลังจากนั้น ตามแผนฟื้นฟูจะมีผลประกอบการที่ดีขึ้น

ทั้งนี้ หลังจากครม.อนุมัติ ขสมก.จะเริ่มดำเนินการจัดหารถใหม่ โดยจัดทำ TOR จัดซื้อจัดจ้าง โดยหลังจากนี้ ขสมก.จะ ใช้วิธี จัดหารถให้บริการ โดยการจ้างวิ่งรถตามระยะทาง โดยเอกชนจะต้องหารถ หาพนักงาน หาเชื้อเพลิง หาที่จอดรถ ทั้งหมด รับจ้างวิ่ง โดยขสมก.จัดเก็บค่าโดยสารแบบตั๋ววันที่ 30 บาท ซึ่งตามแผนฟื้นฟูใหม่ จะมีการจัดหารถปรับอากาศใหม่ EV จำนวน 2,511 คัน โดยชุดแรกจะเริ่มให้บริการในเดือนมี.ค. 64 และส่งมอบครบทั้งหมดในเดือนก.ย. 65

 

 

Back to top button