ทำประกันมูลค่าพอร์ตโฟลิโอได้อย่างไร?

หลักการเดียวกันกับประกันชีวิติหรือประกันอุบัติเหตุ การประกันมูลค่าพอร์ตโฟลิโอคือการหาการลงทุนอะไรมาชดเชยการขาดทุนที่จะเกิดขึ้นในพอร์ตโฟลิโอตอนหุ้นตกมาก


GURU ตลาดการเงิน

โดยลูกช้าง MS.Finance / คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ช่วงนี้นักลงทุนหลายคน คงจิตใจห่อเหี่ยว หมดเรี่ยวหมดแรงไปตามกัน เสียงนักลงทุนหลายคนเล่าว่าไม่กล้าเปิดดูเลยว่าหุ้นตัวเองขาดทุนไปเท่าไรแล้ว คนที่พอจะขายหุ้นออกไปก่อนหน้านี้ก็คงโชคดีหน่อย แต่เท่าที่ได้ฟังส่วนใหญ่มักเป็นแบบนี้คือแรกๆตอนหุ้นตกเยอะๆเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ ก็มักคิดว่า ลงมาเยอะแล้ว สักพักคงขึ้น บางคนช้อนก็เข้าไปซื้ออีกเพราะบรรดานักวิเคราะห์ทั้งหลายบอกว่า ราคาต่ำกว่าพื้นฐานแล้วแวลูอินเวสต์เตอร์ทั้งหลายต่างออกคำแนะนำว่าทยอยเก็บ ในขณะที่บางคนคิดว่าขายตอนนี้ก็ขาดทุนเยอะ รอดีกว่า พอรอไปอีกหน่อยหุ้นก็ตกอีกเป็น คราวนี้ตกคราวละร้อยจุดบ้างห้าสิบจุดบ้างพอมาถึงจุดนี้ก็เลยเป็นอย่างที่เล่าตอนแรกคือ ทำใจไม่ได้ที่จะเปิดดูพอร์ตตัวเอง

มีคนถามกันมากว่าจะทำอย่างไรดีกับสถานการณ์แบบนี้ สถานการณ์แบบนี้ไม่เคยเจอมาก่อน ตอบตามทฤษฎีคือถ้าทำใจได้และควรทำไปก่อนหน้าคือ ขายหุ้นและเก็บเงินสดที่ภาษาหุ้นเรียกว่า ล้างพอร์ต แต่นักลงทุนส่วนใหญ่เป็นเหมือนที่กล่าวข้างต้นคือขายไม่ทัน เพราะความที่หุ้นตกเร็วมาก และไม่รู้ว่าจะต่ำกว่านี้อีกไหม ในขณะที่นักลงทุนบางกลุ่ม เช่น นักลงทุนสถาบันที่มีนโยบายลงทุนในหุ้น ก็มีข้อจำกัดที่ไม่สามารถเปลี่ยนไปถือเงินสดได้ ถ้าอย่างนั้นแล้วทำอะไรได้อีกบ้าง คำตอบคือมี จริงๆแล้ว ตลาดบ้านเร้ามีเครื่องมือการลงทุนชนิดหนึ่งที่ถ้าใช้เป็นมันจะเหมือนกับการซื้อประกันเลยทีเดียว ลองมาทำความเข้าใจกันนะครับ

จำได้ว่าตอนข่าวโควิดแพร่ไปแรกๆ คนรีบไปซื้อประกันชีวิตโดยมองว่าหากเป็นอะไรไปกับชีวิต บริษัทประกันจะเข้ามาจ่ายเงินให้ชดเชยกับความเสียหายซึ่งถึงแม้ไม่มากหรือไม่เท่ากับความเสียหายก็ยังช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้ การประกันอุบัติเหตุเป็นไปเช่นเดียวกันคือหากเกิดความสูญเสียขึ้นกับสินทรัพย์ (เช่น รถ หรือบ้าน) บริษัทประกันจะชดใช้ค่าเสียหายตามมูลค่าเงินที่ได้ทำประกันไว้ เรียกว่าถ้าเกิดมีอันเป็นไปกับสินทรัพย์ที่ถืออยู่ละก็อย่างน้อยที่สุดเราจะได้รับเงินขั้นต่ำตามจำนวนเงินที่ทำประกันไว้ การประกันที่กล่าวมานี้มีต้นทุนที่ต้องจ่ายสิ่งที่ผู้เอาประกันต้องจ่ายคือค่าเบี้ยประกันที่เหมือนกับจ่ายทิ้งไป ถ้าไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น

หลักการเดียวกันกับประกันชีวิติหรือประกันอุบัติเหตุ การประกันมูลค่าพอร์ตโฟลิโอคือการหาการลงทุนอะไรมาชดเชยการขาดทุนที่จะเกิดขึ้นในพอร์ตโฟลิโอตอนหุ้นตกมาก แต่ถ้าหุ้นขึ้นผู้ลงทุนก็ยังได้กำไรตามราคาหุ้นที่ขึ้นไป เครื่องมือในการประกันมูลค่าให้กับพอร์ตโฟลิโอคือตราสารที่เรียกว่า พุทออปชัน (Put Option)ผู้ลงทุนที่ซื้อพุทออปชันเป็นเหมือนผู้เอาประกันที่ต้องจ่ายเงินค่าพรีเมียมตามราคาของพุทออปชันให้กับผู้ขายพุทออปชันแล้วแต่ว่าจะซื้อกี่สัญญาในสัญญาจะระบุราคาที่เอาประกันไว้เรียกว่าราคาใช้สิทธิ (exercise price) คราวนี้เวลาหุ้นตกผู้ขายพุทออปชันจ่ายเงินให้ตามราคาหุ้นที่ตกลงต่ำกว่าราคาใช้สิทธินั้น ยิ่งหุ้นตกมากผู้ขายพุทก็จะจ่ายให้มาก เงินที่ได้จากพุทออปชันจึงเป็นเหมือนค่าชดเชยที่จะได้รับถ้าหุ้นตกต่ำกว่าระดับราคาประกันนั้น นี้คือหลักการของการประกันมูลค่าพอร์ตโฟลิโอ (Portfolio Insurance)

ในทางปฏิบัติจะซื้อพุทออปชันได้สองวิธีคือซื้อในตลาดที่เป็นทางการของไทยคือตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแห่งประเทศไทยที่เรียกว่าตลาด TFEX ในตลาดนี้มีออปชันของดัชนี SET50 เรียกว่า SET50 Index ออปชัน ผู้เอาประกันที่จะซื้อพุทออปชันจะไปเลือกสัญญาพุทออปชันที่มีขายในตลาดและเลือกราคาประกันหรือราคาใช้สิทธิ และอายุสัญญาตามที่มีขาย เช่น ซื้อประกันไว้โดยเลือกสัญญาที่ประกันราคาของดัชนีไว้ที่600 จุด และหมดอายุ ในเดือนมิถุนายน จากนั้นก็นั่งๆนอนๆดูหุ้นของตัวเองไป ถ้ารอได้จนถึงเดือนมิถุนนาซึ่งครบกำหนดประกัน ก็มาดูกันว่า ดัชนี SET50 ต่ำกว่า 600 หรือเปล่า ถ้าดัชนีเกิดต่ำกว่า 600 จุด ผู้ขายพุทออปชันซึ่งในที่นี้คือตลาด TFEX จะจ่ายเงินให้ตามผลต่างนั้น ยิ่งดัชนีหุ้นลงไปต่ำกว่า 600 จุด มากก็ยิ่งได้เงินเยอะเพื่อมาชดเชยกับพอร์ตหุ้นที่ต่ำลง

ข้อที่คนมักถามบ่อยคือการที่ดัชนีมีหน่วยเป็นจุดแล้ว TFEX จะจ่ายเงินยังไง ข้อนี้ก็ไม่ยากเพราะ TFEX ออกแบบไว้ว่าหนึ่งจุดของดัชนีเท่ากับ 200 บาท ดังนั้นถ้าดัชนีต่ำลงไปกว่า 600 เช่นดัชนีเป็น 550 ในวันครบอายุสัญญา TFEX จะจ่ายเงินให้เท่ากับ 50 200 เท่ากับ 10,000 บาทต่อหนึ่งสัญญา ถ้ายิ่งซื้อจำนวนสัญญาเยอะจะได้เงินชดเชยมาเยอะด้วยดังนั้นเมื่อหุ้นตกมากก็จะได้รับเงินมาก เงินจำนวนนี้แหละเหมือนเป็นค่าชดเชยที่บริษัทประกันจ่ายให้ ต่างกันตรงคราวนี้ TFEX จ่ายให้เรา ถามต่อว่างั้นTFEX ได้อะไร จริงแล้ว TFEX เป็นตัวกลางของตลาดนี้ เหมือนกับตลาดหลักทรัพย์นั้นแหละ TFEX จะจับคู่กับอีกฝั่งหนึ่งเรียกว่าคนขายพุทออปชัน คนขายพุทออปชันจึงเป็นเหมือนคนขายประกันโดยได้รับเงินค่าประกันไปตอนแรก เรียกว่า ค่าพรีเมียมสัญญา คนขายพุทออปชันเป็นนักลงทุนอีกกลุ่มหนึ่งที่มองไม่เหมือนนักลงทุนที่กังวลว่าหุ้นจะตก และถ้าเป็นไปตามที่เขาคิดคือหุ้นไม่ตกมาก คนขายประกันก็จะได้กำไรจากค่าพรีเมียมที่คนซื้อพุทออปชันจ่ายดังแสดงในรูป

TFEX มีขายเฉพาะออปชันของดัชนี คราวนี้ถ้าพอร์ตนักลงทุนมีหุ้นเป็นพอร์ตหุ้นสักสิบตัวก็ต้องมานั่งดูนั่งคำนวณกันหน่อยว่าที่ผ่านมานั้นพอร์ตนี้เทียบกับ SETIndexแล้วเปลี่ยนแปลงเท่ากันหรือเปล่า เช่น ถ้า Index ตกลงสัก 10% แล้วพอร์ตนักลงทุนตกลงไป 15%แสดงว่าพอร์ตมีความเสี่ยงมากก็ต้องซื้อประกันหรือพุทออปชันมากหน่อยเพื่อชดเชยความเสี่ยง

นอกจากจะซื้อพุทออปชันในตลาด TFEX แล้วนักลงทุนยังสามารถลงทุนในพุทออปชันที่ขายโดยบริษัทหลักทรัพย์เจ้าต่างที่เสนอขายออปชันหุ้นรายตัว การซื้อขายกับบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆนี้เรียกว่าการซื้อในโอทีซี (OTC) ย่อมาจาก over-the-counter ซึ่งอาจมีความเสี่ยงมากกว่าซื้อกับ TFEX ขึ้นอยู่กับว่าผู้ขายเป็นใคร น่าเชื่อถือมากน้อยขนาดไหน

ที่กล่าวมาเป็นหลักการง่ายของการประกันมูลค่าให้กับพอร์ตโฟลิโอในทางปฏิบัติอาจต้องมีการคำนวณจำนวนสัญญาที่เหมาะสมกับมูลค่าพอร์ตที่นักลงทุนถืออยู่ ถ้าผู้อ่านท่านใดมีคำถามใดๆสามารถสอบถามเรื่องราวของการลงทุนในอนุพันธ์ได้ที่ภาควิชาการเงิน คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่หมายเลขโทรศัพท์ 053-942126หรือ ทาง email: [email protected]

Back to top button