พาราสาวะถี

ประเทศไม่ได้อยู่ภายใต้รัฐบาลคณะรัฐประหาร แต่การใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินทำให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ มีความอุ่นใจเพราะการรวบอำนาจไว้ในมือแต่เพียงผู้เดียว ทำให้รู้สึกมั่นใจ อาจมองได้ว่า นี่เป็นการยึดอำนาจอีกหนผ่านกฎหมายดังกล่าว เรื่องเหตุผล 3 ประการที่ นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน พยายามยกเอาประเด็นโควิด-19 เพื่อช่วยสร้างความชอบธรรมนั้น หากคุณหมอบอกว่าไม่ชอบการเมืองก็ขออย่าทำตัวเป็นเครื่องมือทางการเมืองของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเลย


อรชุน

ประเทศไม่ได้อยู่ภายใต้รัฐบาลคณะรัฐประหาร แต่การใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินทำให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ มีความอุ่นใจเพราะการรวบอำนาจไว้ในมือแต่เพียงผู้เดียว ทำให้รู้สึกมั่นใจ อาจมองได้ว่า นี่เป็นการยึดอำนาจอีกหนผ่านกฎหมายดังกล่าว เรื่องเหตุผล 3 ประการที่ นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน พยายามยกเอาประเด็นโควิด-19 เพื่อช่วยสร้างความชอบธรรมนั้น หากคุณหมอบอกว่าไม่ชอบการเมืองก็ขออย่าทำตัวเป็นเครื่องมือทางการเมืองของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเลย

คนส่วนใหญ่เข้าใจและมองออกว่า การยืดอายุพ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปเรื่อย ๆ นั้น เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 หรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่นกันแน่ ต้องย้ำกันบ่อยครั้งว่า การที่ตัวเลขของผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศคงอยู่ที่ตัวเลขเดียวหรือบางวันเป็นศูนย์นั้น เป็นฝีมือการบริหารจัดการทางด้านการแพทย์และสาธารณสุข ผนวกเข้ากับสำนึกต่อส่วนร่วมของประชาชนทุกคน หากไม่การ์ดตกสถานการณ์ก็จะเป็นเช่นนี้ต่อไปต่อเนื่อง

ตัวอย่างง่าย ๆ ที่บอกว่าการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น ไม่ได้ส่งผลต่อการเฝ้าระวังป้องกันโควิด-19 แต่อย่างใด เช่น หากไม่มีคนสวมหน้ากากอนามัย หรือไม่ยอมเว้นระยะห่างทางสังคม ถามว่ากฎหมายดังกล่าวมีบทลงโทษเอาผิดหรือไม่ เปล่าเลย ตรงข้ามกันหากใครไม่สวมหน้ากากหรือไม่เว้นระยะห่างทางสังคม เวลานี้มาตรการทางสังคมคือการตั้งข้อรังเกียจหรือคนดันจากคนรอบข้างจะหนักหน่วง รุนแรง จึงเท่ากับว่าประชาชนด้วยกันนี่แหละที่ช่วยตรวจสอบและป้องกันโรคได้เป็นอย่างดี

ดังนั้น หากไม่ได้หวังผลทางการเมือง ใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินเป็นเครื่องมือเพื่อรวบอำนาจและป้องกันความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม โดยมีเป้าหมายที่ต้องการให้เศรษฐกิจฟื้นตัวและปากท้องของประชาชนกินอิ่มอยู่สบาย จะต้องเลิกใช้กฎหมายฉบับนี้ แล้วหากลไกอื่นมาดำเนินการ เพื่อทำให้ผู้ประกอบการและผู้ใช้บริการสามารถ ดำเนินวิถีชีวิตได้ใกล้เคียงกับภาวะปกติได้มากที่สุด อันจะส่งผลดีต่อทิศทางในการฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด

ยิ่งมีการตั้ง พลเอกสมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสมช.เป็นประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยิ่งเห็นภาพชัดอยู่แล้วว่า คนที่ออกคำสั่งนั้นมีเป้าประสงค์อย่างไร เพราะคนในแวดวงต่างก็รู้ดีว่าคนที่มาทำหน้าที่ตรงนี้เด็กใคร สายไหน ตอบสนองคนที่เป็นนายได้ดีขนาดไหน การได้มานั่งในตำแหน่งเลขาฯ สมช.นั้น ต่างก็รู้ดีว่าด้วยบารมีใครอุ้มมา

ดังนั้น ไม่ว่าจะพยายามอธิบายอย่างไร คนก็ได้แต่ส่ายหน้า ขณะเดียวกันการปล่อยให้ลิ่วล้อที่ทำหน้าที่องครักษ์พิทักษ์ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ออกมาตอบโต้ฝ่ายตรงข้าม ไม่ได้ทำให้ภาพลักษณ์ดีขึ้น ในทางกลับกันยิ่งทำให้คนได้เห็นธาตุแท้หนักข้อเข้าไปอีกว่าที่คิดและทำกันนั้นไม่ได้โปร่งใส เป็นไปเพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่แต่อย่างใด เพราะแม้แต่คนที่มาโต้ตอบทางการเมืองนั้นก็ได้ชื่อว่าเป็นพวกอกตัญญู หรือพวกลิ้นสองแฉกที่ไม่ควรคบเป็นอย่างยิ่งนั่นเอง

ปากก็บอกว่าไม่ได้มีไว้เพื่อจำกัดความเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่ล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาในวาระครบรอบ 6 ปีการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ตำรวจล้อมจับป้ายผ้าที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ที่กลุ่มสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทยหรือสนท. ด้วยข้อหากระทำความผิดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทั้งที่คนเหล่านั้นแสดงออกด้วยความสงบ และมองมุมไหนก็ไม่น่าจะทำให้เกิดความน่ากังวลต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19

อย่างไรก็ตาม การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในวาระดังกล่าว ก็หาได้มีอะไรที่น่าหวั่นไหวสำหรับฝ่ายกุมอำนาจ เพราะด้วยสถานการณ์บ้านเมืองที่กำลังเผชิญอยู่ในเวลานี้ ไม่มีใครที่จะอยากเข้าไปมีส่วนร่วมในประเด็นที่ห่างไกลจากปัญหาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า สิ่งสำคัญสำหรับรัฐบาลที่จะต้องแก้ไขควบคู่หรือทำให้รุดหน้าไปกว่ากรณีโควิด-19 คือ จะทำอย่างไรให้ประชาชนหายอดอยาก ทุกข์ยาก นอกจากจ่ายเงินเยียวยา 5 พันให้กับคนที่ยื่นเรื่องทั้งหมดแล้ว มีแผนอะไรรองรับหลังจากหมดช่วงเยียวยาอีกหรือไม่

ต้องเข้าใจว่า เงินที่คนกว่า 15 ล้านรายได้รับไปนั้น เชื่อได้ว่าส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้ในการประคับประคองชีวิตหรือใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน แต่ด้านหลักคือการนำเงินไปใช้แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่าห้องค่าที่พัก ค่างวดของบรรดาหนี้ต่าง ๆ หากพ้นช่วงของการเยียวยา 3 เดือนไปแล้ว ถามว่าผลกระทบที่มีต่อคนเหล่านั้นหมดไปแล้วใช่หรือไม่ แน่นอนว่า น่าจะเป็นส่วนน้อยที่สถานการณ์ดีขึ้น ถ้าเช่นนั้นจะต้องช่วยเหลือเยียวยากันอย่างไรต่อไป

ในภาวะที่รัฐบาลเองก็แบกรับภาระเรื่องการหาเงินมาเพื่อดำเนินมาตรการเยียวยาประชาชนและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศกันบักโกรกอยู่เวลานี้ โดยที่พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 27 พฤษภาคมนี้ ท่ามกลางความกังขาของพรรคฝ่ายค้านว่า การกู้เงินดังกล่าวสูงเป็นประวัติการณ์และมีรายละเอียดในการนำไปใช้น้อยมาก ดังนั้น การให้เวลาอภิปรายกันถึง 5 วัน หากรัฐบาลอธิบายได้ไม่ชัดหรือไร้แผนงานที่ทำให้คนไว้วางใจได้ นั่นก็จะกลายเป็นปมกลับมากดดันตัวเองเข้าไปอีก

เดิมพันเงินกู้มหาศาลรอบนี้จึงอยู่ที่ผลงานซึ่งจะปรากฏนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หากบริบททางการเมืองของฝ่ายบริหารยังดำเนินไปด้วยคณะรัฐมนตรีหน้าเดิม เชื่อได้ว่าท่านผู้นำก็คงมองเห็นหายนะที่รออยู่เบื้องหน้าอยู่แล้ว ดังนั้น หลังจากนี้จึงอาจจะได้เห็นการปรับเปลี่ยนภายในรัฐบาลเรือเหล็กเกิดขึ้น โดยไม่ต้องรอให้สถานการณ์โควิดเรียบร้อยไปก่อน เพราะถ้าไม่จัดการใด ๆ ก็เกรงว่ารัฐบาลน่าจะมีปัญหาเกินเยียวยามากกว่าปัญหาโควิด-19 ที่กำลังเริ่มคลี่คลายอยู่ในเวลานี้ก็เป็นได้

Back to top button