หีบแพนโดร่า ที่การบินไทย

ยิ่งใกล้วันเวลาที่ผู้บริหารบริษัทสายการบินแห่งชาติ หรือ การบินไทย (THAI) จะชิงยื่นเรื่องขอล้มละลายตนเอง “ล้มบนฟูก” กับศาลล้มละลายกลาง เพื่อขอเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูเสียเองระหว่างการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับบรรดาเจ้าหนี้ทั้งในและต่างประเทศ เรื่องราวเน่า ๆ ของบริษัทก็โผล่มาให้เห็นมากขึ้นทำนองเดียวกันกับเรื่องตำนานกรีกว่าด้วยหีบของแพนโดร่า


พลวัตปี 2020 : วิษณุ โชลิตกุล

ยิ่งใกล้วันเวลาที่ผู้บริหารบริษัทสายการบินแห่งชาติ หรือ การบินไทย (THAI) จะชิงยื่นเรื่องขอล้มละลายตนเอง ล้มบนฟูก กับศาลล้มละลายกลาง เพื่อขอเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูเสียเองระหว่างการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับบรรดาเจ้าหนี้ทั้งในและต่างประเทศ เรื่องราวเน่า ๆ ของบริษัทก็โผล่มาให้เห็นมากขึ้นทำนองเดียวกันกับเรื่องตำนานกรีกว่าด้วยหีบของแพนโดร่า

ตามตำนานกรีกโบราณ แพนโดร่า เป็นสตรีนางแรกบนโลกมนุษย์และเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดเพราะเป็นผู้หญิงคนเดียวบนโลก ผู้ซึ่งถูกสรรค์สร้างขึ้นมาจากฝีมือที่ประณีตของเทพและเทพีหลายองค์โดยมีจุดประสงค์เพื่อจะลงโทษมนุษย์ เหตุเพราะก่อนหน้านี้ เทพโปรมีธุสส ได้ขโมยไฟจากเตาของเทวีเฮสเทียบนเขาโอลิมปัสเพื่อนำมาให้มนุษย์ ส่งผลให้มนุษย์เริ่มแข็งข้อต่อเทพเจ้า

มหาเทพซุสได้ใส่ความอยากรู้อยากเห็นลงในตัวของแพนโดร่า พร้อมกับมอบกล่องแพนโดร่าซึ่งกำชับไม่ให้นางเปิดดู แล้วส่งนางลงไปยังโลกมนุษย์ แพนโดร่าได้แต่งงานกับไททันเอพะมีธีเอิส และมีลูกหลานหญิงชายสืบต่อกันมาเป็นเผ่าพันธุ์ของมนุษย์

ความอยากรู้อยากเห็น ส่งผลจนนางแพนโดร่าตัดสินใจเปิดกล่องที่ซุสมอบให้ ความชั่วร้ายต่าง ๆ นานาก็พวยพุ่งออกมาจากกล่องตรงเข้าไปกัดกินหัวใจมนุษย์ให้ฆ่าฟันกันเองจนกลายเป็นยุคมืด แม้ว่ามนุษย์ยังคงดำรงชีวิตอยู่มาได้ด้วยความหวัง แต่ทว่ามนุษย์เริ่มมีจิตใจชั่วร้ายเกาะติดอยู่ในหัวใจ เจือปนกับการมีความหวัง

เฉกเช่นเดียวกันกับพัฒนาการของ THAI ที่ล่าสุดอ้างกติกาที่ก.ล.ต.เปิดช่องให้งดส่งงบการเงินไตรมาสแรกอย่างไม่มีกำหนด

การงดส่งงบสามารถตีความได้ว่า ปิดงบไม่ได้ หรือ แต่งงบไม่ทัน หรือ ขาดทุนมากเกินคาด ได้ทั้งสิ้นไม่ได้เป็นผลดีอะไรเลย

นอกจากนั้น การที่ THAI เพิ่งจะสูญเสียสถานภาพ “รัฐวิสาหกิจ” ตามนิยามของคนร.ไปหมาด ๆ หลังจากที่กระทรวงการคลังขายหุ้นของ THAI ให้กับกองทุนวายุภักษ์ไปอีก 3.17% ในราคาหุ้นละ 4.90 บาท (สูงกว่าราคาตลาดเล็กน้อย) โดยไม่มีเงื่อนไขเรื่องซื้อขายกลับ ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของกระทรวงการคลังลดเหลือเพียง 48% เท่านั้น

การลดสถานภาพของรัฐวิสาหกิจเป็นบริษัทมหาชนธรรมดา แม้จะมีข้อดีคือสามารถจัดการกับเรื่องการจ้างงานของพนักงานได้ถนัดมากขึ้นแล้ว แต่ก็มีข้อเสียตามมา เพราะในอนาคตเงินกู้ตราสารหนี้ของ THAI จะต้องถูกลดเรตติ้งลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลต่อต้นทุนการเงินที่สูงขึ้น เพราะในอดีตที่ผ่านมาการเป็นรัฐวิสาหกิจ จะทำให้หนี้ของ THAI มีรัฐบาลการันตีเอาไว้

ตราสารหนี้ของ THAI ที่เคยมีเรตติ้ง A หรือ A- ยาวนาน ในฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจ จะต้องลดลงเมื่อเป็นบริษัทเอกชนหรือมหาชนที่ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจ และไม่มีรัฐบาลหนุนหลัง

คำชี้แจงของ THAI ที่แจ้งตลาดว่าจะยังดำเนินการเป็นปกติแม้จะเข้าสู่กระบวนการล้มละลายเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ จึงเป็นสิ่งที่ไร้ความหมายใด ๆ ไม่สามารถกลบความคลุมเครือของอนาคตได้

ข้อมูลที่ขุดคุ้ยมาโดยสำนักข่าวอิศรา ที่ระบุว่า ณ วันปิดสมุดทะเบียน ของ THAI เมื่อสิ้นเดือนมีนาคม มีสหกรณ์ออมทรัพย์ 74 แห่ง ลงทุนใน ‘หุ้นกู้’ และ ‘หุ้นสามัญ’ ของบริษัท การบินไทย แบ่งเป็นสหกรณ์ฯ ที่ลงทุนหุ้นกู้ 73 แห่ง และสหกรณ์ที่ลงทุนในหุ้นสามัญ 4 แห่ง โดยเฉพาะหุ้นกู้ของบริษัทการบินไทย ที่สหกรณ์ฯ 73 แห่ง ถืออยู่นั้น พบว่ามีมูลค่าราคาทุนรวม 36,181.24 ล้านบาท แล้วต่อมาเมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2563 กรมส่งเสริมสหกรณ์ แถลงว่า จำนวนสหกรณ์ออมทรัพย์ที่ลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทการบินไทย เพิ่มขึ้นเป็น 81 แห่ง จากสหกรณ์ฯ ที่ลงทุนในบริษัท การบินไทยทั้งสิ้น 82 แห่ง โดยมีมูลค่าหุ้นกู้รวม 42,229.14 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3.62% ของมูลค่าสินทรัพย์รวมของทั้ง 82 สหกรณ์ฯ ที่มีจำนวน1.17 ล้านล้านบาท…ก็ยิ่งตอกย้ำถึงความไม่ชอบมาพากลของกลไกรัฐได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

นอกจากนั้น ข้อมูล ณ วันที่ 21 พ.ค. 2563 ที่ระบุเพิ่มเติมว่า จำนวนสหกรณ์ออมทรัพย์ที่ลงทุนหุ้นกู้และหุ้นสามัญของบริษัท การบินไทย เพิ่มมาอยู่ที่ 85 แห่ง ในจำนวนนี้มีสหกรณ์ฯ 84 แห่ง ลงทุนในหุ้นกู้บริษัทการบินไทย คิดเป็นมูลค่าการลงทุนรวม 43,353.07 ล้านบาท และมีมูลค่ายุติธรรมอยู่ที่ 45,160.27 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นหุ้นกู้ระยะสั้น (ครบกำหนดไถ่ถอนภายใน 12 เดือนนับจากวันสิ้นปีบัญชีของสหกรณ์แต่ละแห่ง) จำนวน 2,163.06 ล้านบาท และเป็นหุ้นกู้ระยะยาว จำนวน 41,190.002 ล้านบาท ก็ทำให้มีคำถามตามมาว่า หลังจากบริษัท การบินไทย ยื่นคำร้องต่อศาลล้มลายกลางเพื่อขอฟื้นฟูกิจการฯ และศาลอนุมัติคำร้อง พร้อมตั้ง ‘ผู้ทำแผน’ แล้ว จะส่งผลต่อหุ้นกู้มูลค่า 43,353.07 ล้านบาท ที่สหกรณ์ฯ ถืออยู่หรือไม่ และอย่างไร

ทำไมสหกรณ์จำนวนมากถึงลงทุนซื้อตราสารหนี้แบบกระจุกตัวใน THAI โดยพร้อมเพรียงกันเหมือนโดน “ใบสั่ง ณ จังงัง” เช่นนี้ ไม่ถูกตรวจสอบโดยผู้กำกับดูแลสหกรณ์แม้แต่น้อย

ที่น่าสนใจคือ ในช่วงการทำแผนฟื้นฟูฯ บริษัท การบินไทย ผู้ทำแผนจะเข้าเจรจากับเจ้าหนี้ รวมถึงสหกรณ์ฯ ที่ลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทฯ เพื่อทำการประนอมหนี้ ซึ่งน่าจะรวมความถึงการขอยืดอายุชำระ การขอแฮร์คัทหนี้ (ลดหนี้) หรือขอแปลงหนี้เป็นทุน ซึ่งหากสหกรณ์ฯ สมยอมตามแผนทางใดทางหนึ่ง ซึ่งจะทำให้ทุนของสหกรณ์หาย สภาพคล่องหาย และกำไรในปีนั้นจะลดลงหรือพลิกเป็นขาดทุนได้ ใครจะรับผิดชอบ

ล่าสุด กรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรฯ ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลสหกรณ์ฯ เอง ได้ทำการประเมินความเป็นไปได้ที่สหกรณ์ฯ ซึ่งลงทุนในหุ้นกู้บริษัท การบินไทยว่า พบว่าจะเกิดความเสียหายพอสมควรทีเดียว เพราะนายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ยอมรับว่ามีเป็นไปได้น้อยมาก ที่รัฐบาลจะเข้ามาค้ำประกันหุ้นกู้ที่สหกรณ์ฯลงทุน

ข้อเท็จจริงเหล่านี้ถูกกลบมายาวนานจากสาธารณะ ถ้าหากไม่มีปัญหาวิกฤตทางการเงินของ THAI หีบแพนโดร่าก็น่าจะยังปิดบังอำพรางต่อไปอีกยาวนาน ไม่มีใครเห็นหรือรับทราบความชั่วร้ายที่ซุกซ่อนอยู่

การเข้าสู่กระบวนการล้มละลายของ THAI เพื่อเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งน่าจะมีความซับซ้อนอย่างมาก (หนี้การค้า หนี้เงินกู้สถาบันการเงิน หนี้ตราสารการเงิน ซึ่งสิทธิ์ของเจ้าหนี้แต่ละกลุ่มไม่เท่าเทียมกัน) พร้อมกับการลดทุนเพื่อล้างขาดทุนสะสม แล้วเพิ่มทุนใหม่ทั้งให้กับผู้ถือหุ้นเดิม หรือหาพันธมิตรใหม่ จะเป็นการเปิดหีบแพนโดร่าที่บรรดาเจ้าหนี้ทั้งหลายได้ประจักษ์ชัดเจนว่า ก่อนจะออกจากแผนฟื้นฟู แดนสนธยาใน THAI ที่เป็นตำนานเล่าลือกัน จะสามารถทำให้โปร่งใสแค่ไหนเพื่อหวนกลับจาก หนี้กองเท่าฟ้า มาเป็นสายการบินแห่งชาติที่งามสง่า รักคุณเท่าฟ้า แบบที่เคยเป็นในอดีต

หีบแพนโดร่าที่ THAI จะช่วยให้คนไทยตาสว่างขึ้น แต่ปมสำคัญคือ ต้นทุนของอาการตาสว่างจะมากน้อยเพียงใด ยังไม่ชัดเจน จนกว่าจะถึงเวลา

Back to top button