1,350 จุดวัดใจ

*ในที่สุดการเล่นหุ้นก็เดินทางมาถึงจุดวัดใจสำคัญบริเวณ 1,350 จุดอีกครั้ง ซึ่งเป็นตัวแปรที่ทำให้ “โมนิก้า” มีอาการดีใจจนเนื้อเต้นตุบ ๆ แต่ในขณะเดียวกันก็เกิดอาการเสียววาบไปถึงขั้วหัวใจเช่นกัน เพราะการขึ้นเที่ยวนี้เป็นผลมาจากความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการค้นพบวัคซีนล้วน ๆ ซึ่งเป็นตัวจุดประกายความหวังของมวลมนุษยชาติ และทำให้แรงซื้อไหลกลับเข้ามาตะลุยไม่อั้นอีกครั้งนะจ๊ะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*ในที่สุดการเล่นหุ้นก็เดินทางมาถึงจุดวัดใจสำคัญบริเวณ 1,350 จุดอีกครั้ง ซึ่งเป็นตัวแปรที่ทำให้ “โมนิก้า” มีอาการดีใจจนเนื้อเต้นตุบ ๆ แต่ในขณะเดียวกันก็เกิดอาการเสียววาบไปถึงขั้วหัวใจเช่นกัน เพราะการขึ้นเที่ยวนี้เป็นผลมาจากความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการค้นพบวัคซีนล้วน ๆ ซึ่งเป็นตัวจุดประกายความหวังของมวลมนุษยชาติ และทำให้แรงซื้อไหลกลับเข้ามาตะลุยไม่อั้นอีกครั้งนะจ๊ะ

*วานนี้ถึงเห็นดัชนีพุ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,336.09 จุด บวกไป 15.11 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.39 หมื่นล้านบาท กลายเป็นเรื่องราวที่ทำให้แมงเม่ามีเรื่องให้เม้าท์ไม่หยุดหย่อนอีกหนึ่งวัน “โมนิก้า” ถึงพยายามชี้ให้เห็นถึง “โอกาส” และ “ความเสี่ยง” กำลังมาพร้อมกันอีกครั้ง โดยเรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับสตอรี่ของหุ้นจะออกไปในโทนไหน และหุ้นแต่ละตัวยังมีอัพไซด์ให้เยอะแค่ไหนพะยะค่ะ

*ด้วยเหตุนี้ถึงต้องมองเรื่องต่าง ๆ อย่างรอบด้าน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำสอง ซึ่งเป็นผลมาจากคราวก่อนดัชนีทำได้ดีสุดแค่ระดับ 1,333.25 จุด ต่อจากนั้นก็ทรุดตัวลงไปทำจุดต่ำสุดบริเวณ 1,286.76 จุด ก่อนจะตีกลับขึ้นมาอีกครั้งเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา “โมนิก้า” ถึงมองเกมหุ้นต่อจากนี้จะหินมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะดัชนีวิ่งขึ้นมารับข่าวล่วงหน้าไกลมากเหลือเกิน ขณะที่ตัวเลขปัจจัยพื้นฐานยังวิ่งไล่ไม่ทันแบบนี้..เสียวไปถึงรูทวารเลยแหละ!

*เหมือนกับในรายของน้องมิ้น MINT ถูกดันขึ้นมาเรื่อย ๆ จนสุดท้ายขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 19.20 บาท บวกไป 1.80 บาท หรือขึ้นไป 10.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.25 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเกมที่ฝืนธรรมชาติอย่างแท้ทรู แต่ในเมื่อกระแสของตลาดหุ้นมองข้ามช็อตไปที่เรื่องดันหุ้นเพิ่มทุน (อยากได้ราคาดี) จึงไม่ต้องแปลกใจที่มีพวกขุนพลอยพยักรับหน้าเสื่อเดินเกมหุ้นสุดซอยเจ้าค่ะ

*เช่นเดียวกับกรณีของควงเจริญ KCE กระชากขึ้นมาปิดที่ 20 บาท บวกไป 2.60 บาท หรือขึ้นไป 14.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.01 พันล้านบาท ทั้งที่ยังไม่เห็นอะไรในกอไผ่ (ยกเว้นหน่อไม้) พรรคพวกขาลุยก็กระโจนใส่กันอย่างเมามัน “โมนิก้า” เลยได้แต่นั่งทำตาปริบ ๆ และเปรยกับตัวเองแบบเบา ๆ ว่า ครั้งก่อนก็ดันหุ้นแรงแบบนี้ แต่สุดท้ายก็ปล่อยให้ร่วงลงหนัก ก่อนจะกลับเข้ามาดันอีกรอบ..มันสุด ๆ ไปเลยพะยะค่ะ

*เม้าท์ถึงเรื่องมัน ๆ ขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอเม้าท์ถึงประเด็นที่แมงลือเม้าท์กันให้แซ่ดว่า ADVANC ทำธุรกิจอีท่าไหนก็ไม่รู้ จนทำให้ลูกค้าหลายรายเกิดอาการควันออกหูอย่างหนัก เพราะดันถูกล้วงข้อมูลไปหน้าตาเฉย และเป็นหนึ่งในประเด็น “ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์” เกี่ยวกับแฮกเกอร์เรียกค่าไถ่ เดี๊ยนเลยสงสัยมากเหลือเกินว่า หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 191 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 0.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.32 พันล้านบาท ได้อย่างไร ? หรือเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับเอไอเอสก็บอกกันมา แมงลือจะได้เลิกเม้าท์กันเสียที..อิอิอิ

*ส่วนกรณีของหุ้น AAV เด้งขึ้นมาปิดที่ระดับ 1.88 บาท บวกไป 0.13 บาท หรือขึ้นไป 7.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 275 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นแค่การเด้งตามตลาดธรรมดา ๆ ไม่ได้มีนัยสำคัญอะไรมากมาย เพราะการกลับมาบินรอบใหม่ ก็ต้องแบกรับผลขาดทุนหลังอานอยู่ดี เดี๊ยนถึงมองธุรกิจสายการบินเป็นการเผาเงินทิ้ง และเป็นได้แค่ทางผ่านของการเล่นเก็งกำไรสั้น ๆ นะจ๊ะ

*ตรงกันข้ามกับในรายของ PRM อย่างสิ้นเชิง เพราะรายนี้พิสูจน์ตัวเองในช่วงที่ “โควิด-19” ระบาดหนักให้เห็นแล้วว่า สามารถเอาตัวรอดจากสถานการณ์ดังกล่าวได้ และยังพยายามประคองตัวเพื่อทำผลงานอันยอดเยี่ยมต่อไป “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับมองการอ่อนตัวของหุ้นลงมาปิดที่ 6.55 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 3.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 186 ล้านบาท โดยมีเส้นแนวรับ 200 วันบริเวณ 6.30 บาทเป็นฐานรองรับอยู่ข้างใต้..น่าสนใจไหมเอ่ย ?

*เม้าท์ถึงประเด็นเก็งกำไรขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น THANI เพื่อชี้ให้เห็นการขึ้นมาปิดที่ 4.08 บาท บวกไป 0.28 บาท หรือขึ้นไป 7.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 795 ล้านบาท มันช่างย้อนแย้งกับเรื่องผลงานที่ทุกคนรู้อยู่เต็มอกจะออกมาไม่ดี เดี๊ยนถึงมองการขึ้นเที่ยวนี้ไม่มีนัยอะไรมากมาย จึงไม่อยากให้แฟนคลับถลำตัวแบบกู่ไม่กลับ เพราะมันไม่ใช่จิตวิญญาณของนักเล่นสั้น (กำไรแล้วต้องรีบชิ่ง) นะคะ

Back to top button