BTSGIF เทวดาตกสวรรค์

ครั้งหนึ่งไม่นานมานี้ กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน BTSGIF (ชื่อเต็มว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท) เคยได้ชื่อว่าเป็นหน่วยลงทุนหรือหลักทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนในรูปเงินปันผลดีที่สุดรายการหนึ่งด้วยค่าเฉลี่ยผลตอบแทนปีละ 8.9% ไม่ต้องเสียภาษีเงินปันผล


พลวัตปี 2020 : วิษณุ โชลิตกุล

ครั้งหนึ่งไม่นานมานี้ กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน BTSGIF (ชื่อเต็มว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท) เคยได้ชื่อว่าเป็นหน่วยลงทุนหรือหลักทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนในรูปเงินปันผลดีที่สุดรายการหนึ่งด้วยค่าเฉลี่ยผลตอบแทนปีละ 8.9% ไม่ต้องเสียภาษีเงินปันผล

ในช่วงที่ บ้านเมืองยังเป็นปกติ ราคาและมูลค่าสินทรัพย์หรือ NAV ถือว่าน่าสนใจกว่าบีทีเอสโฮลดิ้ง หรือ BTS ที่เป็นผู้ถือหน่วยลงทุนนี้รายใหญ่สุดมาโดยตลอด

วันนี้ ช่วงที่โควิด-19 ระบาด สถานการณ์ของ BTSGIF กลับย่ำแย่สวนทางกับ BTS ราวกับนรกต่างจากสวรรค์

ล่าสุด หลังจากการขาดทุนของ BTSGIF จนคาดว่าจะไม่สามารถจ่ายเงินปันผลได้ 3 ไตรมาสข้างหน้าติดต่อกัน แต่จะเป็นการจ่ายในรูปแบบการลดทุนแทน เพราะกองทุนถูกปรับมูลค่าทรัพย์สินใหม่ให้ต่ำลงล่าสุดไตรมาสที่ผ่านมา มีการปรับลดลงถึง 5.9 พันล้านบาทนั้น จะทำให้ผลการดำเนินงานในปี 2563-64 จะขาดทุนอีกครั้ง และส่งผลต่อเนื่องไปยังการจ่ายเงินปันผลของบริษัทต่อไปในไตรมาสข้างหน้าอีกสองไตรมาส

ตัวเลขผลขาดทุนสุทธิที่มากถึง 4.9 พันล้านบาท คือปมน่าสนใจที่ทำให้ราคาบนกระดานที่ในอดีตไม่เคยต่ำกว่า 11.00 บาท ลงมาที่ระดับ 7.30 บาท และคาดว่าจะร่วงลงไปอีกหลังจากที่มูลค่าทางบัญชีของหน่วยลงทุนนี้ล่าสุดเหลืออยู่ที่ระดับ 9.22 บาทเท่านั้น ต่ำสุดในรอบหลายปี หรือนับแต่ตั้งเป็นกองทุนมา

แม้ว่าบางสำนักวิเคราะห์จะมีมุมมองทางบวกอยู่บ้าง ด้วยการประเมินว่าเป็นการขาดทุนต่ำกว่าคาดแล้วยังปรับเพิ่มประมาณการกำไรธุรกิจหลักในปีหน้าขึ้นกว่าปีนี้เท่าตัว และปรับราคาเป้าหมายขึ้น 1.1% มาอยู่ที่ 9 บาท เพื่อสะท้อนสถานการณ์โควิด-19 ที่ดีขึ้นในประเทศไทย  ด้วยเหตุผลว่า ภาพรวมระยะยาว : ปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้าที่ฟื้นตัวขึ้นหลังสิ้นสุดวิกฤตโควิด-19, IRR สูงและอัดฉีดทรัพย์สินใหม่ …… แต่คำว่าต้องลดทุน ทำลายอารมณ์เชิงบวกไปอักโขทีเดียว

ความพยายามสะสมหน่วยลงทุน BTSGIF ยามนี้ จึงมีความรอบคอบอย่างมากเกินปกติอย่างน่าเสียดาย

สถานการณ์ของหน่วยลงทุนที่เคยเป็น วัวให้น้ำนมทองคำ มายาวนาน สวนทางกับ BTS ที่ทำกำไรงดงามชนิดเย้ยฟ้าท้าโควิด-19 หน้าตาเฉยจากการทำกำไรงวดสิ้นปีงดงาม เพราะมีการกระจายแหล่งที่มาของรายได้

ล่าสุดกับคำชี้แจงของบลจ.บัวหลวงที่ทำหน้าที่บริหาร BTSGIF ที่มีมุมมองเชิงลบ ว่าผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 4 ปี 2562/2563 หรืองวดวันที่ 1 มกราคม-31 มีนาคม 2563 มีรายได้จากการลงทุนสุทธิเท่ากับ 962.5 ล้านบาท ลดลง 1.8% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และลดลง 23.4% จากไตรมาสก่อนหน้า อันเป็นผลมาจากรายได้รวมที่ลดลงและค่าใช้จ่ายรวมที่เพิ่มขึ้น โดยไตรมาสนี้ จำนวนผู้โดยสารรวมอยู่ที่ 50.4 ล้านเที่ยวคน ลดลง 17.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 19.9% จากไตรมาสก่อน ขณะที่อัตราค่าโดยสารเฉลี่ยอยู่ที่ 28.9 บาทต่อเที่ยวการเดินทาง ลดลง 0.2% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนและลดลง 1.3% จากไตรมาสก่อน

ที่สำคัญ การที่ในไตรมาส 4 ปี 2562/2563 กองทุนรับรู้ขาดทุนสุทธิจากการวัดมูลค่าเงินลงทุน 5,907.4 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากมีการประเมินมูลค่าใหม่ เมื่อมีเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อรายได้ค่าโดยสารสุทธิ ซึ่งก็คือ สถานการณ์โควิด-19…บ่งบอกนักลงทุนให้ต้องคิดทบทวนการถือหน่วยนี้มากขึ้น

ในการประเมินได้ปรับปรุงสมมติฐานต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ และสถานการณ์ปัจจุบันมากขึ้น อาทิ การปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การปรับลดอัตราเงินเฟ้อ การเลื่อนการปรับปรุงสถานีสะพานตากสิน และการชะลอการเปิดรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ เป็นต้น ส่งผลให้มูลค่าเงินลงทุนในสัญญาซื้อและโอนสิทธิรายได้สุทธิตามมูลค่ายุติธรรมลดลง 5,890.0 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการลดลงทางบัญชี แม้ไม่ได้มีกระแสเงินสดออกไปจริง

คำอธิบายที่เข้าใจยากดังกล่าว รวมถึงการเปิดเผยว่า ยังมีการบันทึกเงินลงทุนในสถานีศึกษาวิทยา (S4) จำนวน 17.6 ล้านบาท โดยมูลค่าเงินลงทุนในสัญญาซื้อและโอนสิทธิรายได้สุทธิ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563 ปรับลดลงมาอยู่ที่ 52,410.0 ล้านบาท จาก 58,300 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 และลดลงจาก 59,100.0 ล้านบาท ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562 ก็ยิ่งทำให้มุมมองเชิงลบเข้ามาครอบงำการซื้อขายในตลาดรองมากขึ้นไปอีก

นักลงทุนที่เคยถือ BTSGIF ย่อมเป็นกังวลกับข้อมูลผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปลายเดือน มกราคม 2563 เป็นต้นมา ซึ่งทำให้จำนวนผู้โดยสารรวมลดลง 1.7% เป็น 236.9 ล้านเที่ยวคน (รวมผู้โดยสารเดินทางฟรีเนื่องในงาน พระราชพิธีบรมราชาภิเษกรัชกาลที่ 10 วันที่ 5-6 พฤษภาคม และ 12 ธันวาคม 2562 จำนวน 2.1 ล้านเที่ยวคน) ส่งผลให้อัตราค่าโดยสารเฉลี่ยทั้งปี 2562/2563 ลดลง 0.4% จากปีก่อน ทำให้ตัวเลขที่หักกลบกับรายได้จากการลงทุนสุทธิ 4,730.0 ล้านบาทที่เพิ่มขึ้น 4.5% จากปีก่อน (รวมถึงค่าใช้จ่ายรวมที่ลดลง) จนสามารถสร้างอัตรากำไรจากรายได้จากการลงทุนสุทธิเป็น 98.2% เพิ่มขึ้นจาก 97.9% ในปีก่อน แต่ต้องรับรู้ขาดทุนสุทธิจากการวัดมูลค่าเงินลงทุนจำนวน 6,729.8 จากการประเมินมูลค่าใหม่ รวมถึงการบันทึกเงินลงทุนในสถานีศึกษาวิทยา (S4) รวม 40.0 ล้านบาท ที่เป็นรายการทางบัญชี ทำให้กองทุนไม่สามารถจ่ายเงินออกมาในรูปแบบเงินปันผลได้

การอ้างว่าขาดทุนทางบัญชี แม้ผลการดำเนินงานจริงยังมีกำไร ถือว่าฟังไม่ขึ้นอยู่ตามธรรมชาติ ยิ่งมีการบอกว่าจะนำเงิน 752.44 ล้านบาท ไปดำเนินการจ่ายให้แก่ผู้ถือหน่วยในรูปแบบการคืนเงินทุน 0.130 บาทต่อหน่วย ด้วยการลดมูลค่าที่ ตราไว้ จาก 10.081 บาทต่อหน่วย เหลือ  9.951 บาทต่อหน่วย ก็ยิ่งทำให้เสน่ห์ของหน่วยลงทุนที่เคยโดดเด่นเลือนหายไปง่ายๆ

การจ่ายเงินคืนทุน ย่อมไม่ใช่การจ่ายปันผลอย่างแน่นอน หลอกกันไม่ได้อยู่แล้ว เพราะสำหรับนักลงทุนแล้วนี้คือ คำขอโทษ ที่ไร้ความหมาย เพราะหน่วยลงทุนนั้นวัดกันที่ NAV การเอาอัฐิยายมาให้ยายเอง ไม่ได้ทำให้ NAV เพิ่มขึ้น แต่ทำให้ลดเร็วขึ้น

คำว่า เทวดาตกสวรรค์ จึงใช้การได้ในการอธิบายราคาที่ต่ำกว่าบุ๊กแวลูของ BTSGIF

Back to top button