แนวต้าน และความเชื่อมั่น

ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลก รวมทั้งตลาดหุ้นไทยวิ่งเป็นขาขึ้นรุนแรงในสัปดาห์นี้ต่อเนื่อง เมินต่อแนวต้านและแรงขายทำกำไรตามอารมณ์คุณตลาด “ยามฮึกเหิม” เหตุผลหลักมาจากความเชื่อมั่นว่าสถานการณ์โควิด-19 ระลอกสองจะไม่ร้ายแรงดังคาดกันไว้


พลวัตปี 2020 : วิษณุ โชลิตกุล

ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลก รวมทั้งตลาดหุ้นไทยวิ่งเป็นขาขึ้นรุนแรงในสัปดาห์นี้ต่อเนื่อง เมินต่อแนวต้านและแรงขายทำกำไรตามอารมณ์คุณตลาด ยามฮึกเหิม เหตุผลหลักมาจากความเชื่อมั่นว่าสถานการณ์โควิด-19 ระลอกสองจะไม่ร้ายแรงดังคาดกันไว้

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าวานนี้บ่งบอกว่าความเชื่อมั่นดังกล่าวจะมีอิทธิพลครอบงำตลาดหุ้นทั่วโลกอีกในระยะสั้น

ดัชนีตลาดหุ้นเอเชียไม่ต่างกันมาก นำโดยดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียววานนี้ที่ดีดตัวขึ้นทะลุแนว 23,000 จุด เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนก.พ. เนื่องจากนักลงทุนมีความหวังว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวขึ้นหลังจากสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่งเกินคาดในเดือนพ.ค.

กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 2.5 ล้านตำแหน่งในเดือนพ.ค. สวนทางกับนักวิเคราะห์ที่คาดไว้ว่าการจ้างงานอาจลดลง 8.33 ล้านตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 13.3% ในเดือนพ.ค. สวนทางกับนักวิเคราะห์ที่คาดไว้ว่าอาจพุ่งขึ้นสู่ระดับ 19.5%

การพุ่งขึ้นของตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนพ.ค. ถือเป็นการทำสถิติจ้างงานเพิ่มขึ้นมากที่สุดภายในเดือนเดียวในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ รอบ 81 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2482 เพราะมีแรงหนุนจากการที่รัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งทำให้ภาคธุรกิจกลับมาเปิดกิจการ และทำการจ้างงานครั้งใหม่ หลังจากที่มีการปลดพนักงานจำนวนมากในช่วงที่มีการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ตัวเลขการว่างงานที่น้อยเกินคาด ยังผลให้ภาวะกระทิงครอบงำการวิ่งของดัชนีดาวโจนส์ให้ปิดพุ่งขึ้นทะลุแนว 27,000 จุดเมื่อวันศุกร์ (5 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่งเกินคาด และยังมีแรงหนุนเสริมจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน ซึ่งทะยานขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ WTI ก่อนการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัสในวันเสาร์นี้ (6 มิ.ย.) เพื่อหารือเกี่ยวกับการขยายเวลาปรับลดการผลิตน้ำมัน

ความเชื่อมั่นในภาพรวมของเศรษฐกิจโลก ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในภาพรวมของเศรษฐกิจไทยว่าผ่านความเลวร้ายถึงที่สุดไปแล้ว ค่าบาทที่แข็งตัวขึ้นจากฟันด์โฟลว์ไหลเข้าตลาดตราสารหนี้ระลอกใหม่โดยปริยาย และการขายหุ้นของต่างชาติที่ลดลง

ภาพสะท้อนจากมุมมองของดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป สถาบันเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิตให้ความหวังเชิงบวกบนมรสุมที่รุมเร้าของเศรษฐกิจไทยในอนาคตได้ชัดเจนขึ้น

มุมมองของดร.อนุสรณ์ที่ว่า การที่เศรษฐกิจไทยคลายล็อกจะทำให้ GDP ไตรมาสสองติดลบลดลงเหลือ 10-11% จากที่คาดการณ์ไว้ติดลบ 12-13% ครึ่งปีแรกติดลบเหลือ 5.7% แม้จะถูกถ่วงรั้งด้วยข้อมูลเชิงลบจากการคาดว่า นักศึกษาจบใหม่ปีนี้ 2 แสนคน 60% จะตกงาน เนื่องจากตลาดต้องการแรงงานที่มีประสบการณ์  ในขณะที่จะมีนักศึกษาที่จบการศึกษาใหม่ในระดับปริญญาตรีและระดับวิชาชีพในเดือนมิถุนายนนี้ประมาณ 280,000-300,000 คนโดยมากกว่า 60% ของแรงงานบัณฑิตใหม่เหล่านี้จะไม่สามารถหางานทำได้ในระยะ 6–18 เดือนข้างหน้า ส่วนนักเรียนในระดับมัธยมปลายและมัธยมต้นที่เข้าสู่ตลาดแรงงานใหม่จะมีโอกาสหางานทำได้มากกว่าหากไม่เลือกงานว่าเป็นแรงงานไร้ฝีมือ (Unskilled labour) จะเข้ามาทดแทนแรงงานต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้านบางส่วนที่ไม่เคลื่อนย้ายกลับมาทำงานในไทย

ข้อมูลและมุมมองเชิงบวกที่มีเงื่อนไขกำกับดังกล่าวบ่งบอกสัญญาณว่าขีดจำกัดของการวิ่งขึ้นของดัชนีตลาดหุ้นแต่ละแห่งอยู่ที่ระดับน่าจะเป็นเท่าใด

การที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยหรือ SET ไม่สามารถฝ่าแนวต้านทางจิตวิทยาวานนี้ที่เหนือ 1,445 จุด จึงเป็นจุดที่น่าสนใจว่า ความมั่นใจที่มากเกินไป อาจจะย้อนหวนมาเล่นงานนักเก็งกำไรแบบ โลกสวยเกินจริง เพราะตลาดนั้นมีขีดจำกัดในตัวเอง

ตัวอย่างเช่นหุ้นใหญ่อย่าง PTT ที่เผชิญแนวต้านล่าสุดแถว 41.00 บาท และหุ้นธนาคารอย่าง SCB ที่ยังไม่ผ่านแนวต้าน 90.00 บาท ก็เป็นเรื่องที่เตือนสติในตลาดเก็งกำไรได้ดีพอสมควรว่าขาขึ้นของตลาดที่ถือว่ามาไกลพอสมควรจากดัชนีต่ำสุดของปีเหนือระดับ 1,000 จุด นั้น มีรายละเอียดให้ทำการบ้านมากพอสมควร

ความเชื่อมั่นในการลงทุนนั้นต้องถ่วงน้ำหนักด้วยความระวังรอบคอบกันพอสมควรในยามนี้

Back to top button