จัดธีมลงทุน เน้น 4 หุ้นปลอดภัย-Dividend สูง ล็อคกำไรช่วงตลาดฯ ผันผวน

จัดธีมลงทุน เน้น 4 หุ้นปลอดภัย-Dividend สูง ล็อคกำไรช่วงตลาดฯ ผันผวน 


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจและรวบรวมบทวิเคราะห์ ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในหุ้นกลุ่มที่ค่อนข้างปลอดภัย ไม่ผันผวนตามภาวะตลาดหุ้นมากนัก เนื่องจากตลาดหุ้นไทยมีโอกาสที่จะเริ่มถูกขายทำกำไรแรง นอกจากนี้ยังมีสัญญาณเตือนว่าตลาดอยู่ในภาวะว่ามีโอกาสปรับฐานต่อ โดยนักวิเคราะห์แนะนำหุ้นในกลุ่มที่พื้นฐานดี และมี Dividend สูง

ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (10 มิ.ย.63) โดยมองว่าตลาดหุ้นอยุ่ในภาวะการเก็งกำไร แต่แฝงด้วยความระแวง

โดย ตลาดหุ้นไทยอยู่ในภาวะการเก็งกำไรอย่างเห็นได้ชัด สะท้อนจากมูลค่าซื้อขายที่สูงเกิน 1 แสนล้านบาท (ติดต่อกัน 4 วันทำการ) ขณะที่มี P/E สูงถึง 22 เท่า (สูงสุดในภูมิภาค) ขณะที่วานนี้ตลาดหุ้นไทย เริ่มถูกขายทำกำไรแรง โดยเฉพาะช่วงเวลาการซื้อขายปรับฐานแรง -31 จุด และถือเป็นการลดลงระหว่างวันมากสุดนับตั้งแต่ตลาดเริ่มฟื้นตัวมาในกลางเดือน มี.ค. เป็นต้นมา นอกจากนี้ยังมีสัญญาณเตือนว่าตลาดอยู่ในภาวะว่ามีโอกาสปรับฐานต่อ คือ

  1. สัดส่วนหุ้นไทยกว่า 30% จากทั้งหมด มี RSI อยู่ในโซน Overbought ถือเป็นหนึ่งในสัญญาณเตือนว่าตลาดมีโอกาสปรับฐาน เนื่องจากตลาดหุ้นไทยฟื้นขึ้นมาเร็วและแรงเกือบ 50% จากจุดต่ำสุดในช่วงเดือน มี.ค. และเป็นการฟื้นขึ้นมาเร็วกว่าตลาดหุ้นอื่นๆในภุมิภาค จนทำให้มีจำนวนหุ้นเกินกว่า 30% ของหุ้นทั้งหมดในตลาด ปรับตัวขึ้นมาจนมีสัญญาณ RSI อยู่ในโซน Overbought ถือว่ามากสุดในรอบหลายๆปีที่ผ่านมา
  2. ตลาดหุ้น S&P500 ปรับตัวขึ้นแรง พร้อมกับดัชนีความกลัวที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ (ปกติจะสวนทางกัน) คือ ใน 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนี S&P500 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.2% ขณะเดียวกัน VIX Index ทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกันกว่า 2.7% แสดงให้เห้นว่าตลาดหุ้นสหรัฐเอง แม้จะปรับตัวเพิ่มขึ้นเรี่อยๆ แต่ก็แฝงไปด้วยความระแวงในการปรับฐานในระยะถัดไปอยู่เหมือนกัน

สรุปคือ ล่าสุดตลาดหุ้นทั้งไทยและต่างประเทศที่ขึ้นมาแรง จนล่าสุดเริ่มมีสัญญาณเตือนว่ามีโอกาสที่ตลาดอาจปรับฐานในระยะถัดไปได้ แนะนำให้นักลงทุนโฟกัสประเด็นความเสี่ยงมากขึ้น พร้อมกับติดตามประเด็นข่าวสารต่างๆ อย่างใกล้ชิด

การขยับจุด ล็อคกำไร ยังทำงานได้ดี กลยุทธ์เน้นหุ้นดีดี Dividend  ชอบ AP, DCC Defensive ชอบ EGCO BTSGIF)

วานนี้ตลาดหุ้นไทยปรับฐานแรง แต่พอร์ตจำลองมีการตั้งจุดล็อคกำไรเพื่อลดความเสี่ยงในยามที่ตลาดเกิดเหตุการณ์ไม่แน่นอนระหว่างวัน ซึ่งวานนี้จุด Lock Profit นั้นทำงานได้ดี โดยมีการขายทำกำไรหุ้นไปถึง 4 บริษัท คือ AMATA, LH, CPALL, STEC คิดเป็นสัดส่วนในพอร์ตรวม 40%

ส่วนกลยุทธ์ในวันนี้ยังคงเหมือนเดิม คือ มีการตั้งจุดล็อคกำไร เพื่อลดความเสี่ยงยามที่ตลาดผันผวน พร้อมกับเน้นลงทุนหุ้นดีดี (Dividend & Defensive) โดยนำหุ้น AP, DCC, EGCO และ BTSGIF เข้ามาในพอร์ตจำลอง ด้วยน้ำหนักหุ้นละ 10% แทน มีรายละเอียดที่น่าสนใจดังนี้

บริษัท ไดนาสตี้เซรามิค จำกัด (มหาชน) หรือ DCC (FV @2.28) จุดเด่นหลัก คือ กลยุทธ์เชิงรุกด้วยการเข้าหาลูกค้าถึงบ้าน เห็นผลชัดและโดดเด่นว่าคู่แข่ง สะท้อนจากจำนวนบิลที่เพิ่มเป็น 8 พันบิล/วัน จาก 6 พันบิล/วัน ประกอบกับราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสก่อน เป็น 139 บาท/ตรม. จากสัดส่วนกระเบื้องพรีเมียม มากขึ้น รวมถึงราคาก๊าซธรรมชาติที่ลดลง 20% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ทำให้แนวโน้มกำไรไตรมาส 2/63 มีโอกาสสร้าง Positive Surprise ได้อีกครั้ง หลังงวดไตรมาส 1/63 DCC มีกำไรเติบโตทั้งจากไตรมาสก่อน และจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน สวนกระแสกำไรของตลาดฯ อีกทั้งการใช้สิทธิ์แปลง DCC-W1 ส่งผลให้ D/E สิ้นงวดไตรมาส 2/63 น่าจะลดลงมาต่ำกว่า 0.6 เท่า เพิ่มโอกาสที่ DCC จะกลับมาจ่ายปันผลที่ Payout Ratio 100% อีกครั้ง หากพิจารณา Valuation ถือว่าดี โดยมี Upside สูงเกิน 20% และคาดหวัง Dividend Yield มากกว่า 6% ต่อปี

บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP (FV @6.30) หนึ่งในหุ้นอสังหาฯที่ยังคงน่าสนใจ ทั้งในแง่พื้นฐานที่กำไรไตรมาส 2/63 มีแนวโน้มสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน และจากไตรมาสก่อน (สวนทางกับหลายบริษัทในกลุ่มฯ ที่มีโอกาสลดลง) ขับเคลื่อนด้วยการมี Backlog รอโอนฯ ระดับสูง โดยสิ้น เม.ย. รวม 4.9 หมื่นล้านบาท (รวม JV) มาจากยอดชมโครงการ และยอดจอง ที่เริ่มดีขึ้นตั้งแต่ปลาย เม.ย.(หลังจาก Reopen) และ Valuation โดยพิจารณาทางด้าน Upside ถือว่าเยี่ยม โดยมี Upside สูงกว่า 10% สวนทางหุ้นในกลุ่มเดียวกันที่แถบจะไม่มี Upside เหลือหรือติดลบในบางบริษัท อาทิ LH (+2%) LPN(-30%) PSH(-19%) อีกทั้งยังคาดหวังปันผลได้กว่า 5.5% ต่อปี

บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO (FV @340.00) ถือเป็นหุ้น Defensive ที่มีรายได้ค่อนข้างมั่นคงไม่ผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมาได้ปรับลดลงอย่างต่อเนื่องจนเห็น upside รวมปันผลเกือบ 27% หากพิจารณาทางด้านพื้นฐานยังดีเยี่ยมตามฤดูกาล โดยฝ่ายวิจัยคาดแนวโน้มกำไรจากการดำเนินงานปกติงวดกำไรไตรมาส 2/63 จะเติบโตจากงวดกำไรไตรมาส 1/63 รับช่วง high season ของการใช้ไฟฟ้าในฤดูร้อน ทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าโดยเฉลี่ยจะปรับตัวทำระดับสูงสุดของปี  อีกทั้งในส่วนของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ คาดจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นหลังจากฝนที่เริ่มตกในช่วงเดือน พ.ค. ถือเป็นโอกาสสะสม

กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท หรือ BTSGIF (FV @N.A.) หนึ่งในหุ้นกองทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ราคาปรับตัวลงแรงกว่า 25% (นับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน) จากผลกระทบของ COVID-19 ขณะที่ SET Index ปรับตัวลงเพียง 10.85% (นับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน  จนทำให้มี Discount กว่ามูลค่าสินทรัพย์สุทธิถึง 20% และเป็นหุ้นผันผวนต่ำมีค่า Beta เพียง 0.64 นอกจากนี้ยังได้ Sentiment จากคนเริ่มกลับมาใช้งานรถไฟฟ้ามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หลังจากมีการผ่อนคลายเปิดเมืองมาถึงระยะ 3 แล้ว

 

Back to top button