หุ้นโรงกลั่น เคราะห์ซ้ำกรรมซัด!

ตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริง ๆ สำหรับหุ้นโรงกลั่นที่ก่อนหน้านี้เจอสงครามราคาน้ำมัน ทำให้กำไรจากค่าการกลั่นหายไป เป็นภาวะช็อกระยะสั้น...


สำนักข่าวรัชดา

ตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริง ๆ สำหรับหุ้นโรงกลั่นที่ก่อนหน้านี้เจอสงครามราคาน้ำมัน ทำให้กำไรจากค่าการกลั่นหายไป เป็นภาวะช็อกระยะสั้น…

เท่านั้นไม่พอ ยังมาเจอโควิด-19 ออกอาละวาดทั่วโลก จนหลายประเทศต้องงัดมาตรการล็อกดาวน์มายับยั้งการแพร่ระบาด ขณะที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจต้องถูกสตัฟฟ์ชั่วคราว ส่งผลให้ดีมานด์การใช้น้ำมันลดลง ตอกย้ำให้ค่าการกลั่นย่อลงมาอีก

จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่เห็นทีท่าที่ดีขึ้น การฟื้นตัวยังน้อย ทำให้ค่าการกลั่นยังไม่กลับมา ส่งผลกระทบต่อธุรกิจโรงกลั่นที่มีสัดส่วนเยอะ ๆ

เรื่องโควิด-19 ยังไม่ทันจบ…ล่าสุดคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ไอเดียกระฉูด จะปรับหลักเกณฑ์การคำนวณราคาหน้าโรงกลั่นน้ำมัน มีผลวันนี้  (17 มิ.ย.) ซ้ำเติมอีก..

เบื้องต้นประเมินราคาหน้าโรงกลั่นที่ลดลง 50 สตางค์ต่อลิตร จะทำให้ธุรกิจโรงกลั่นมีปัญหา ทำให้ราคาหน้าโรงกลั่นย่อลง กำไรจากค่าการกลั่นก็จะลดตาม…

เรียกว่า เคราะห์ซ้ำกรรมซัดหุ้นโรงกลั่นจริง ๆ

งานนี้ถามว่าใครเจ็บมาก-เจ็บน้อย เบื้องต้นคาดว่าบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC อาจเจ็บมากสุด เนื่องจากมีธุรกิจโรงกลั่นสัดส่วน 100%

ส่วนบางโรงกลั่นที่มีธุรกิจเกี่ยวข้องกับอื่น ๆ ด้วย อาจเป็นอะโรเมติกส์ หรือโอเลฟินส์ ช่วยกระจายความเสี่ยง ก็จะได้รับผลกระทบลดหลั่นกันไปตามสัดส่วนของธุรกิจโรงกลั่น

อย่างกรณีบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP มีสัดส่วนธุรกิจโรงกลั่น 70%, บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO มีสัดส่วน 65% และบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP มีสัดส่วน 65% เจ็บปานกลางถึงมาก

ส่วนบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC ที่มีสัดส่วนธุรกิจโรงกลั่น 35% และบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC มีสัดส่วน 25% น่าจะเจ็บน้อยสุด

หันไปดูสถานการณ์ค่าการกลั่นปัจจุบันก็ต่ำเตี้ยเรี่ยดินอยู่แล้ว…โดยราคาหน้าโรงกลั่น ณ วันที่ 16 มิ.ย.63 น้ำมันเบนซิน 95 อยู่ที่ 9.08 บาทต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 10.35 บาทต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 9.96 บาทต่อลิตร, น้ำมันดีเซล อยู่ที่ 10.26 บาทต่อลิตร, ดีเซล B10 อยู่ที่ 10.63 บาทต่อลิตร และดีเซล B20 อยู่ที่ 12.29 บาทต่อลิตร

ก็ไม่รู้ว่ากบง. คิดอะไรอยู่นะ…ถึงออกไอเดียมาซ้ำเติมเอกชนอย่างนี้

แหม๊…มือไม่พายแล้วยังเอาเท้าราน้ำอีกนะเนี่ย…

ดังนั้น ใครที่คาดหวังจะเห็นผลประกอบการหุ้นโรงกลั่นปีนี้ต้องออกมาเริ่ดหรู..!! คงต้องพับเก็บใส่ลิ้นชักไปก่อน

เอาแค่ประคองตัวให้รอดก็หืดขึ้นคอแล้ว…น่าเห็นใจจริง ๆ

ปัจจัยชี้วัดตอนนี้อยู่ที่สถานการณ์โควิด-19 จะลากยาวแค่ไหน..? ถ้าคลี่คลายได้เร็ว นั่นหมายถึงดีมานด์การใช้น้ำมันก็จะเพิ่มมากขึ้น หนุนให้หุ้นโรงกลั่นฟื้นคืนชีพอีกครั้ง

แต่เชื่อเถอะว่าไม่ใช่เร็ว ๆ นี้แน่นอน…

จะคิดเก็งกำไรหุ้นโรงกลั่นช่วงนี้

อย่าลืมท่องคาถา “เข้าให้ไว..ออกให้ทัน” ก็แล้วกัน

…อิ อิ อิ…

Back to top button