SET ยังโคม่า! ปิดเช้าวูบ 20 จุด ตามตปท. วิตก “โควิด” ระบาดรอบ 2-IMF หั่นคาดการณ์ศก.โลก

SET ยังโคม่า! ปิดเช้าวูบ 20 จุด ตามตปท. วิตก “โควิด” ระบาดรอบ 2-IMF หั่นคาดการณ์ศก.โลก โดยดัชนีช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,312.97 จุด ลดลง 20.46 จุด หรือ 1.53% มูลค่าการซื้อขาย 3.05 หมื่นล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,312.97 จุด ลดลง 20.46 จุด หรือ 1.53% มูลค่าการซื้อขาย 3.05 หมื่นล้านบาท ขณะที่ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เมื่อคืนนี้ (24 มิ.ย.63) ปิดที่ระดับ 25,445.94 จุด ปรับตัวลดลง 710.16 จุด หรือ 2.72%

10 หุ้นกดดัชนีเช้านี้

ด้าน นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงตามคาด เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างติดลบกัน ตามตลาดในยุโรปที่ติดลบแรงเฉลี่ย 3% เมื่อคืนที่ผ่านมา เนื่องจากวิตกสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่สหรัฐฯได้มีจำนวนผู้ติดเชื้อทำสถิติสูงสุดใหม่ ทำให้กังวลจะเกิดระลอกสอง โดยเฉพาะการเปิดเมือง อย่างไรก็ดีตัวเลขการระบาดรอบสอง อาจจะไม่มากกว่ารอบแรก เพราะคนมีความรู้มากขึ้นและรู้วิธีที่จะป้องกันตัวเอง แต่การปิดเมืองบางส่วนอาจทำให้เศรษฐกิจได้รับผลกระทบบ้าง

ส่วนบ้านเราแม้จะไม่รับผลกระทบโดยตรงจากการแพร่ระบาดโควิดระลอกสอง แต่ก็อาจทำให้ไทยยังไม่สามารถเปิดท่องเที่ยวได้ตามปกติและคงจะอีกนานกว่าจะทำได้ ซึ่งไทยพึ่งพิงการท่องเที่ยวจากต่างประเทศมากเหมือนกัน ดังนั้น ตลาดจึงตอบรับในทางลบ นักลงทุนมีการปรับพอร์ตลงทุนเพื่อสะท้อนปัจจัยดังกล่าว

อีกทั้งก็มีข่าวว่าสหรัฐฯจะไปเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากยุโรปอีก ซึ่งเรื่องนี้ไม่คิดว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ จะทำในช่วงโควิดแพร่ระบาดในสหรัฐฯ และคะแนนเสียงของ”ทรัมป์”ตอนนี้ก็ไม่ค่อยดี

นอกจากนี้ หลายสำนักยังมีการปรับลดคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจโลก รวมถึงไทยด้วย ซึ่งเรื่องนี้ตลาดก็คิดไว้อยู่แล้ว ว่าจะต้องมีการปรับลดคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจ อันเป็นผลจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ส่วนใหญ่ก็มองจะติดลบ 7-8% อย่างไรก็ดี ตลาดยังได้รับอานิสงส์จากสภาพคล่องโลกที่สูง

ทั้งนี้ หากมองการเทรด P/E ปีหน้า 15-17 เท่า ดัชนีฯจะแกว่งอยู่แถว 1,260-1,430 จุด ซึ่งตลาดฯแกว่งในโซน 1,400 จุด ก็ถือว่าแพงไป ทำให้มีแรงขายทำกำไรออกมา แต่ถ้าตลาดจะถูกลงบ้างก็ต้องอยู่แถว 1,300 จุดลงไป จึงมีแรงขายทำกำไรทำให้ดัชนีฯลงไปอยู่ในจุดที่เหมาะสมอีกครั้ง แต่การจะลงทุนก็ให้พิจารณาเป็นรายตัว บริษัทใดมีโอกาสฟื้นตัวได้ในช่วงครึ่งปีหลังก็น่าสนใจลงทุน โดยได้มองน่าลงทุนหุ้นที่ปลอดภัยอย่างหุ้นในกลุ่มสื่อสาร และหุ้นในกลุ่มประกันภัย เพราะประกันภัยจะมีขายประกันโควิด ซึ่งจะรับรู้รายได้เต็มปี ในช่วงมี.ค.63-ก.พ.64 จะเห็นได้ว่าหุ้น BKI, THRE มีการเคลื่อนไหวที่ดีกว่าตลาด

สำหรับแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายกิจพณ กล่าวว่า ตลาดคงจะยังติดลบอยู่ จากแรงขายทำกำไรในหุ้นที่ได้ปรับตัวขึ้นไปมากแล้ว และในเดือนนี้อาจจะไม่มีการทำ Window Dressing ก่อนปิดงบฯไตรมาส 2/63 ด้วย

พร้อมให้แนวรับ 1,303-1,280 จุด ส่วนแนวต้าน 1,330 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

CPALL   มูลค่าการซื้อขาย  1,241.83 ล้านบาท  ปิดที่   66.25 บาท ลดลง   1.00 บาท

BAM     มูลค่าการซื้อขาย  1,095.95 ล้านบาท  ปิดที่   24.20 บาท ลดลง   0.30 บาท

KBANK   มูลค่าการซื้อขาย  1,091.97 ล้านบาท  ปิดที่   90.50 บาท เพิ่มขึ้น  0.25 บาท

MINT    มูลค่าการซื้อขาย    925.26 ล้านบาท  ปิดที่   20.50 บาท ลดลง   0.40 บาท

PTT     มูลค่าการซื้อขาย    880.04 ล้านบาท  ปิดที่   36.50 บาท ลดลง   1.00 บาท

Back to top button