“นายกฯ” เสนอ 3 แนวทาง ฟื้นฟูศก.-สังคม-คุณภาพชีวิตปชช. ขับเคลื่อนอาเซียน ยุคหลัง “โควิด”

“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรี ร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 36 ผ่านระบบประชุมทางไกล พร้อมเสนอ 3 แนวทางฟื้นฟูศก.-สังคม-คุณภาพชีวิตปชช.ขับเคลื่อนอาเซียน ยุคหลัง “โควิด”


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (26 มิ.ย.63) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้เข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 36 ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยมีผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนจากทั้ง 10 ประเทศ และเลขาธิการอาเซียนเข้าร่วมประชุมด้วย

ทั้งนี้ ช่วงแรกของการประชุมฯ เหงียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ได้กล่าวเปิดประชุม โดยระบุว่า เศรษฐกิจของอาเซียนใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก มีการลงนามความตกลงการค้าเสรี (FTA) แล้ว 6 ฉบับ กับ 7 หุ้นส่วนใหญ่ของโลก ทำให้อาเซียนได้รับการยอมรับว่าเป็นภูมิภาคที่มีอำนาจของโลกจากความท้าทายที่โลกกำลังเผชิญ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงที่โลกไม่เคยประสบมาก่อน อาเซียนจำต้องใช้โอกาส และประสิทธิภาพที่มีให้เป็นประโยชน์สูงสุด ได้แก่

1.สันติภาพ ความมั่นคง ความเป็นหนึ่งเดียวกัน และความรุ่งเรือง จะยังคงเป็นเป้าหมาย และเอกลักษณ์ที่สำคัญของอาเซียน

2.ความเชื่อมโยงระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนแบบไร้รอยต่อ

3.ความสามารถในการฟื้นตัวท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง

4.การเติบโตอย่างยั่งยืน และมั่นคง

โดยนายกฯ เวียดนาม กล่าวว่า สิ่งเหล่านี้จะส่งเสริมความร่วมมืออย่างเข้มแข็งในอนุภูมิภาคอาเซียน

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวถ้อยแถลงในการประชุมฯ ถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ไทยและประชาคมโลกอยู่ในช่วงกำลังปรับตัวกับชีวิตวิถีใหม่ ขณะเดียวกันก็กำลังรับมือกับสภาพภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ผันผวนมากขึ้น ส่งผลต่อความมั่นคงและเสถียรภาพระหว่างประเทศ ซึ่งอาเซียนควรร่วมมือกันเสริมสร้างระบบภูมิภาคนิยมให้เข้มแข็ง และส่งเสริมการช่วยเหลือกันในระดับโลก โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้เสนอ 3 แนวทาง เพื่อขับเคลื่อนอาเซียนในยุคหลังโควิด-19 ได้แก่

1.เร่งดำเนินการตามแผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน (MPAC) 2025 และส่งเสริมความเชื่อมโยงและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสีเขียว เพื่ออาเซียนที่เชื่อมโยงกันมากขึ้นอย่างแท้จริง นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีเห็นว่า อาเซียนควรเริ่มพิจารณาแนวทางการผ่อนคลายมาตรการที่เป็นอุปสรรคต่อการเดินทาง เพื่อช่วยฟื้นฟูธุรกิจและการเดินทางระหว่างกันของประชาชน

2.เร่งขับเคลื่อนบูรณาการทางเศรษฐกิจอย่างแข็งขัน และเร่งลงนาม RCEP ภายในปีนี้ เพื่อสร้างความเข้มแข็งจากภายในช่วยให้อาเซียนฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว และส่งเสริมการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล เพราะเศรษฐกิจดิจิทัลจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะเพิ่มมูลค่าจีดีพีของอาเซียนให้สูงขึ้น ตลอดจนต้องต่อยอดจุดแข็งด้านความหลากหลายทางชีวภาพ โดยอาศัยเทคโนโลยีและนวัตกรรมตาม “โมเดลเศรษฐกิจ BCG”

3.เร่งเตรียมความพร้อมต่อความผันผวน และความท้าทายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นในระยะยาว โดยนายกรัฐมนตรีสนับสนุนให้คณะมนตรีประชาคมอาเซียนทั้งสามเสาหลัก เริ่มจัดทำแผนฟื้นฟู เพื่อวางแนวทางให้แก่อาเซียนในอนาคต โดยต่อยอดจากความสำเร็จต่าง ๆ และควรครอบคลุมประเด็นความมั่นคงทางสาธารณสุข เสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร เสริมสร้างความมั่นคงของมนุษย์ และการป้องกันแก้ไขปัญหาสิทธิมนุษยชน ซึ่งประเทศไทยได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ด้วย

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำว่าอาเซียนต้องเร่งดำเนินการเชิงรุกเตรียมการในทุกมิติ ต้องยึดมั่นแนวทางการมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และให้ความสำคัญกับการดูแลประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ซึ่งรวมถึงแรงงานข้ามชาติ ในช่วงท้ายนายกรัฐมนตรีได้ร่วมรับรองวิสัยทัศน์ผู้นำอาเซียนว่าด้วยอาเซียนที่แน่นแฟ้นและตอบสนอง พร้อมแสดงความมุ่งมั่นของไทยที่จะร่วมเสริมสร้างความร่วมมือและความเป็นปึกแผ่นในอาเซียน ควบคู่ไปกับการแสวงหาความเป็นหุ้นส่วนกับภาคีภายนอก

Back to top button