สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 30 มิ.ย. 2563

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 30 มิ.ย. 2563


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 มิ.ย.) เนื่องจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐซึ่งรวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่พุ่งเกินคาดในเดือนมิ.ย.นั้น ทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าเศรษฐกิจของประเทศจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในเร็วๆนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ให้คำมั่นว่าจะร่วมมือกันพยุงเศรษฐกิจให้ผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,812.88 จุด เพิ่มขึ้น 217.08 จุด หรือ +0.85% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,100.29 จุด เพิ่มขึ้น 47.05 จุด หรือ +1.54% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,058.77 จุด เพิ่มขึ้น 184.61 จุด หรือ +1.87%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (30 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หลังจากจีนเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตและภาคบริการที่แข็งแกร่งขึ้นในเดือนมิ.ย. และประเทศต่างๆ ในยุโรปได้ยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์เพื่อเปิดดำเนินการด้านเศรษฐกิจอีกครั้ง นอกจากนี้ การจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจสหภาพยุโรปวงเงิน 1.8 ล้านล้านยูโร และความหวังเกี่ยวกับการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ได้ช่วยหนุนตลาดด้วย

ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.13% ปิดที่ 360.34 จุด และปรับตัวขึ้น 12.44% ในไตรมาส 2 ซึ่งนับเป็นการปรับขึ้นรายไตรมาสมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2558

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,310.93 จุด เพิ่มขึ้น 78.81 จุด หรือ +0.64% ขณะที่ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,935.99 จุด ลดลง 9.46 จุด หรือ -0.19% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,169.74 จุด ลดลง 56.03 จุด หรือ -0.90%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (30 มิ.ย.) โดยถูกกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจของอังกฤษในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้หดตัวลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2522 นอกจากนี้ การที่หุ้นเชลล์ร่วงลงเกือบ 4% ถ่วงตลาดลงด้วย

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,169.74 จุด ลดลง 56.03 จุด หรือ -0.90% แต่ดัชนีปิดตลาดไตรมาส 2/2563 ปรับตัวขึ้น 8.8% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นรายไตรมาสที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินโลกในปี 2553

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (30 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  รวมทั้งแนวโน้มการกลับมาผลิตน้ำมันของลิเบีย ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของทางการสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 43 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 39.27 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 56 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 41.15 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งเมื่อคืนนี้ (30 มิ.ย.) โดยทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2554 เนื่องนักลงทุนยังคงเดินหน้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังช่วยดึงดูดแรงซื้อทองคำ

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 19.3 ดอลลาร์ หรือ 1.08% ปิดที่ 1,800.5 ดอลลาร์/ออนซ์ และตลอดทั้งไตรมาส 2 ปีนี้ สัญญาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น 12.8%

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 57.3 เซนต์ หรือ 3.17% ปิดที่ 18.637 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. พุ่งขึ้น 23 ดอลลาร์ หรือ 2.78% ปิดที่ 851.2 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. พุ่งขึ้น 33.8 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 1,966.90 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (30 มิ.ย.) โดยนักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในสหรัฐและทั่วโลก

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.146% สู่ระดับ 97.3930 เมื่อคืนนี้

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9475 ฟรังก์ จากระดับ 0.9514 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3586 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3688 ดอลลาร์แคนาดา แต่เมื่อเทียบกับเงินเยน ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 107.98 เยน จากระดับ 107.69 เยน

ยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1233 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1235 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.2390 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2286 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.6897 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6859 ดอลลาร์สหรัฐ

Back to top button