พาราสาวะถี

แจกแจงอยากจะให้ชัดเจน แต่ก็ยังเป็นที่กังขาของคนที่ยอมรับพ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่ดี ดังนั้น สิ่งที่ “ศรีธนญชัยรอดช่อง” วิษณุ เครืองาม อธิบายเกี่ยวกับความจำเป็นของการต้องใช้กฎหมายฉบับนี้ต่อไป มันจึงเข้าใจเพียงแค่กลุ่มกองเชียร์ชนิดไม่ลืมหูลืมตา กับคนทั่วไปที่ไม่เห็นว่าจะได้รับผลกระทบใด ๆ จากการคงอยู่ของกฎหมายดังกล่าว ดังนั้น ประเด็นนี้จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่ เป็นเพียงความเห็นที่ไม่ตรงกันของฝ่ายที่เป็นปฏิปักษ์ และเห็นอาการอย่างหนาของคนที่ใช้อำนาจเท่านั้น


อรชุน

แจกแจงอยากจะให้ชัดเจน แต่ก็ยังเป็นที่กังขาของคนที่ยอมรับพ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่ดี ดังนั้น สิ่งที่ “ศรีธนญชัยรอดช่อง” วิษณุ เครืองาม อธิบายเกี่ยวกับความจำเป็นของการต้องใช้กฎหมายฉบับนี้ต่อไป มันจึงเข้าใจเพียงแค่กลุ่มกองเชียร์ชนิดไม่ลืมหูลืมตา กับคนทั่วไปที่ไม่เห็นว่าจะได้รับผลกระทบใด ๆ จากการคงอยู่ของกฎหมายดังกล่าว ดังนั้น ประเด็นนี้จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่ เป็นเพียงความเห็นที่ไม่ตรงกันของฝ่ายที่เป็นปฏิปักษ์ และเห็นอาการอย่างหนาของคนที่ใช้อำนาจเท่านั้น

ส่วนการปรับคณะรัฐมนตรีที่ฝ่ายพรรคสืบทอดอำนาจกระทุ้งหลายวัน สร้างความเปลี่ยนแปลงภายในพรรคได้แล้ว ก็หวังว่าจะเกิดขึ้นในรัฐบาลเรือเหล็กด้วย แต่ดูจากผลของซูเปอร์โพลที่กลุ่มเป้าหมายยังอุ้ม 4 กุมาร มองผ่านการแสดงออกของ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ทั้งตอดเล็กตอดน้อยและกระทุ้งหนักไปยังฐานความเชื่อมั่นของรัฐบาล แต่ไร้แรงกระแทกใด ๆ จากผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและนิ่งสนิทจากครม.ร่วมรัฐบาล มีเพียงเสียงโห่ไล่จากคนในพรรคแกนนำรัฐบาลเท่านั้น

นั่นย่อมมองให้เห็นว่า จากที่เคยมั่นใจผลแห่งการปรับในพรรคสืบทอดอำนาจ จะบีบให้ท่านผู้นำเปลี่ยนตัวทีมเศรษฐกิจในรัฐบาล อาจไม่เป็นไปอย่างที่คิด ดูแรงฮึดจาก 4 กุมารที่ดูเหมือนว่าจะแบ่งบทกันเล่นชัดเจน ไม่ว่าจะทำตัววางเฉยไร้การตอบโต้ใด ๆ ประเภทตอดเล็กตอดน้อย พวกให้สัมภาษณ์ว่าไม่ทิ้งพรรคยังไม่ตัดสินใจอนาคตการเมือง ทั้งหมดเหล่านี้ ล้วนแต่เป็นกลวิธีสู้กับกลยุทธ์บุกยึดพรรคของพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.

จะว่าไปแล้วหากจะปรับทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลก็เป็นปุจฉาที่สำคัญไม่น้อยของท่านผู้นำ เอาแค่ 3 ด้านหลัก ๆ คือ เขี่ยทีมเก่าออกไปก็เท่ากับรับสภาพว่ากว่า 6 ปีที่ผ่านมา ซึ่งอ้างมาตลอดว่าเดินถูกทางแล้ว มันคือความล้มเหลวชนิดที่รับกันไม่ได้ เดินต่อไปกันไม่ไหว ผลจึงออกมาแบบนี้ ครั้นพอเขี่ยทีมเก่าทิ้งไปจะหันไปพึ่งพาอาศัยความรู้ความสามารถจากใคร พวกไหน มองไปยังพรรคผู้สนับสนุนหลักของตัวเอง ก็พบว่า ไม่มีตัวชูโรงแม้แต่น้อย

นักการเมืองประเภทเก๋าเกมก็พวกเขี้ยวลากดิน ที่น่าจะมีเสียงโห่มากกว่าการมอบดอกไม้ พอจะปั้นคนใหม่ การโยนหินถามทางด้วยรายชื่อของ “เจ๊แหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ก็ได้รับก้อนอิฐกลับมา มีเสียงยี้ดังระงม และทำให้ภาพลักษณ์ของ 4 กุมารดีขึ้นมาทันทีทันใด กลายเป็นว่าตัวเลือกภายในพรรคสืบทอดอำนาจ อาจจะคลาคล่ำไปด้วยคนดีที่ไม่ว่าเป็นใครมาจากไหนเมื่อมาอยู่ใต้ร่มเงาขบวนการสืบทอดอำนาจแล้วถือเป็นคนดีทั้งหมด แต่ไม่ปรากฏว่ามีใครโดดเด่นเป็นที่ยอมรับในความสามารถด้านงานเศรษฐกิจ

จึงเหลือตัวเลือกที่เป็นเหมือนยาสามัญประจำรัฐบาลแทบทุกคณะนั่นก็คือ คนนอก หากเป็นสถานการณ์ปกติ ที่เศรษฐกิจทั่วโลกไม่ได้มีปัญหาจากผลกระทบของโควิด-19 ผู้มีความรู้ความสามารถ ก็อาจจะอยากลองเข้ามาเสี่ยงโชว์ฝีมือกันดูบ้าง แต่พอเห็นโจทย์ที่วางรออยู่ข้างหน้า การกระโดดเข้ามามีโอกาสสูงที่จะเอาชื่อเสียงของตัวเองมาทิ้ง เรียกได้ว่าแม้จะตั้งใจทำงานขนาดไหน โอกาสที่รออยู่ข้างหน้ามีแค่ เจ๊ากับเจ๊ง” เท่านั้น

ดังนั้น ด้วยปัจจัยที่แม้จะเข้าใจภาวะทางการเมืองอันเป็นจริง แต่คงต้องหาทางสั่งพี่ใหญ่ให้ไปทำความเข้าใจกันภายในพรรค ถ้าจะขยับคงจะรองรับบางคนบางตำแหน่งที่จำเป็นต้องได้เก้าอี้เสนาบดีเท่านั้น เช่น “เสี่ยแฮ้งค์” อนุชา นาคาศัย เลขาธิการพรรคสืบทอดอำนาจ จะปล่อยให้คนที่เป็นแม่บ้านพรรคไร้หัวโขนในรัฐบาลคงไม่ได้ ถือว่าไม่สมศักดิ์ศรี ยิ่งเห็นเลขาฯ ของพรรคร่วมรัฐบาลอย่างประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย นั่งเก้าอี้ใหญ่โตกันทั้งสิ้น เลขาฯ พรรคแกนนำรัฐบาลก็ต้องสมน้ำสมเนื้อกันหน่อย

เมื่อเป็นเช่นนั้น โจทย์ต่อมาจึงถูกมองว่าสูตรของการปรับครม.เที่ยวนี้ อาจให้หัวหน้าทีม 4 กุมารอยู่ต่อ แล้วไปขยับในส่วนของมือไม้ทั้งหลาย เพื่อผ่องถ่ายแรงกดดันทางการเมือง หรือ ให้หัวหน้าทีมเสียสละ แล้วรักษาเก้าอี้ของบรรดาคนสนิทไว้ในบางตำแหน่ง ออกไปในแนวบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น เพราะอย่าลืมว่า ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจนั้นในแง่ความรู้สึกแล้ว ผูกพันและไว้วางใจทีมงาน 4 กุมารไม่น้อย เพียงแต่ว่าเมื่อการเมืองเข้าสู่บริบทของการเลือกตั้งทุกอย่างจึงไม่เหมือนยุคเผด็จการ

ข่าวลือวันนี้ ไปไกลกันถึงขั้นว่ามีการส่งรายชื่อรัฐมนตรีใหม่ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีตรวจสอบคุณสมบัติกันเรียบร้อยแล้ว ร้อนถึงวิษณุและ ธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส เลขาธิการครม.ต้องออกมายืนยันว่าไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้นแต่อย่างใด ถึงขั้นที่ว่าเนติบริกรข้างกายผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจต้องย้ำแล้วย้ำอีก การปรับครม.เที่ยวนี้ตัวเองไม่รู้ ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น ซึ่งท่าทีเช่นนี้หากเป็นวงการพนันขันต่อก็บอกว่าให้แทงสวนไปได้เลย

การไขสือของคนประเภทนี้อ่านกันได้ไม่ยาก ทุกอย่างที่ปฏิเสธมักจะเป็นเรื่องจริงเสมอ ยิ่งระยะหลังเห็นได้ชัดว่าความเห็นที่ออกมาไม่ได้อยู่กับร่องกับรอยเหมือนในอดีต ความน่าเชื่อถือหดหายไปจนไม่มีเหลือ ทุกคำอธิบายจึงไม่ต้องตีความอะไรให้มาก เป็นไปเพื่ออุ้มสมและปกป้องผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจทั้งสิ้น ไม่สนใจใยดีว่าจะเป็นสิ่งที่ขัดต่อหลักการและความถูกต้องหรือไม่ ปลาไหลต้องมุดแผ่นดินหนี แต่นี่คือสิ่งที่ทำให้ท่านผู้นำเชื่อมั่นต่อการใช้อำนาจของตัวเองเป็นอย่างยิ่ง

อย่างไรก็ตาม หากมองในระยะเฉพาะหน้าเป็นที่คาดหมายกันว่าโฉมหน้าครม.ประยุทธ์2/2 น่าจะได้เห็นหลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรผ่านร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ในวาระแรกไปแล้ว ซึ่งเมื่อรวมกับตัวเลขของพ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับที่ผ่านความเห็นชอบของสภาฯ ไปแล้ว จะทำให้มีวงเงินในการบริหารจัดการสูงถึง 5.2 ล้านล้านบาท สูงเป็นประวัติการณ์ของทุกรัฐบาลที่เคยบริหารประเทศในช่วงที่ผ่านมา นั่นย่อมหมายถึงมีทั้งโอกาสที่จะสร้างผลงาน ซื้อใจประชาชนก่อนเลือกตั้งและเสี่ยงที่จะไร้ผลงานได้เหมือนกัน

บนความท้าทายเช่นนี้จึงมีเครื่องหมายคำถาม เอาแค่เงินกู้ 4 แสนล้านบาทที่จะใช้ฟื้นฟูผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ยังไร้ความชัดเจน ทั้งที่กฎหมายก็มีผลบังคับใช้ไปตั้งนานและสภาก็ผ่านความเห็นชอบมาเกือบ 1 เดือนแล้ว เงื้อง่าราคาแพงอาจจะอ้างว่าเพื่อความรอบคอบและดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ แต่อีกด้านประชาชนก็เริ่มตั้งข้อสงสัยแล้วว่า ความล่าช้าที่เป็นอยู่เพราะไร้น้ำยา ไม่มีความสามารถในการบริหารจัดการนั่นเอง

Back to top button