รับต่ำ..ดันสูง

*ทุกครั้งเมื่อถึงวันศุกร์ทีไร “โมนิก้า” มักเห็นนักเล่นกลุ่มต่าง ๆ ใช้ยุทธวิธีขายทำกำไรเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงในช่วงวันหยุดยาวเป็นประจำ เดี๊ยนเลยอยากให้แฟนคลับตระหนักถึงสถานการณ์ตรงนี้มากขึ้น เพราะเป็นช่วงที่ทุกคนกำลังรอข่าวดีในช่วงครึ่งปีหลังจะมีอะไรออกมาบ้าง ? รวมทั้งมาตรการเยียวยาต่าง ๆ ที่จัดแพ็กเกจชุดใหญ่จะสัมฤทธิผลขนาดไหน ? ล้วนเป็นเรื่องที่ใช้ชี้วัดการเดินหน้าของดัชนีนะจะบอกให้


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*ทุกครั้งเมื่อถึงวันศุกร์ทีไร “โมนิก้า” มักเห็นนักเล่นกลุ่มต่าง ๆ ใช้ยุทธวิธีขายทำกำไรเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงในช่วงวันหยุดยาวเป็นประจำ เดี๊ยนเลยอยากให้แฟนคลับตระหนักถึงสถานการณ์ตรงนี้มากขึ้น เพราะเป็นช่วงที่ทุกคนกำลังรอข่าวดีในช่วงครึ่งปีหลังจะมีอะไรออกมาบ้าง ? รวมทั้งมาตรการเยียวยาต่าง ๆ ที่จัดแพ็กเกจชุดใหญ่จะสัมฤทธิผลขนาดไหน ? ล้วนเป็นเรื่องที่ใช้ชี้วัดการเดินหน้าของดัชนีนะจะบอกให้

*ประกอบกับช่วงหลังมีการเวียนเคาะหุ้นแต่ละกลุ่มไปเรื่อย ๆ “โมนิก้า” เลยมั่นใจมากเหลือเกินว่ากลยุทธ์รับหุ้นเมื่อเกิดการย่อตัวลงมาแรง น่าจะเป็นยุทธวิธีที่เข้ากับสถานการณ์ตลาดหุ้นผันผวนมากสุด เพราะเวลานี้ไม่ค่อยมีประเด็นที่น่ากลัวเหมือนเมื่อก่อน ผสานกับปัญหาทางเศรษฐกิจหลายอย่างได้รับการแก้ไขไปทีละเปราะ จนเหลือเรื่องที่ทำให้กังวลไม่มากสักเท่าไหร่ จึงเป็นโอกาสของการดักเก็บหุ้นพื้นฐานสุดปังนะคะ

*ด้วยเหตุนี้ถึงต้องมองการทะยานขึ้นของดัชนีมาปิดที่ระดับ 1,374.13 จุด บวกไป 24.69 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.44 หมื่นล้านบาท พร้อมกับพลิกแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,350 จุดให้กลายเป็นแนวรับอีกครั้ง น่าจะสร้างความหวังให้กับเหล่านักเล่นให้รู้สึกฮึกเหิมอีกรอบ ผสานกับการควานหาฐานได้เกิดขึ้นให้เห็นเป็นรูปธรรม “โมนิก้า” ถึงมองเกมเที่ยวนี้ออกไปในโทน เน้นรับลึกก่อนจะใช้เกมดันสูงเพื่อทำคะแนนไงล่ะคะ

*ส่วนประเด็นการเมืองระดับประเทศก็ชี้ให้เห็นว่าอเมริกากำลังระส่ำกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 หลังจำนวนผู้คนติดเชื้อพุ่งขึ้นไม่หยุดสักที รวมทั้งประเด็นเหยียดผิวก็ทำให้ขาเก้าอี้ของผู้นำจิตป่วนอย่าง “เฮียทรัมป์” ตกอยู่ในภาวะสั่นคลอนอย่างหนัก พร้อมกับมีการประเมินต่อไปว่าไม่ได้ไปต่อในสมัย 2 หลังผู้สนับสนุนยังมีความคิดเป็นพวกคลั่งผิวขาวเป็นใหญ่ (white supremacists) แต่ดัชนีดาวโจนส์ก็ยังเดินหน้าไปต่อแบบชิวชิว..มันหมายความว่าอะไร ลองกลับไปคิดทบทวนดูกันหน่อยนะออเจ้า!

*คล้ายกับกรณีของหุ้นน้องใหม่ STGT กระชากขึ้นแรงตั้งแต่ในช่วง pre open ก่อนจะจบลงด้วยการยืนปิดที่ระดับ 60.50 บาท บวกไป 26.50 บาท หรือขึ้นไป 78% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.71 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเกมกองทุนมากกว่าเกมรายย่อย จึงไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์อะไรไปมากกว่านี้ เพราะต้องการให้แฟนคลับมองสตอรี่บวกที่เข้ามาจะยาวไปถึงตอนไหน ซึ่งจะเป็นตัวตัดสินว่าหุ้นควรอยู่ตรงไหนเจ้าค่ะ

*เหมือนกับการพุ่งพรวดของหุ้นปูนใหญ่ SCC จนทำให้แมงเม่ามึนตึ้บกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากข่าวไหน ? เดี๊ยนจึงอยากชี้แจงให้แฟนคลับเข้าใจว่า มันเป็นเรื่องของเม็ดเงินไหลเข้ามาในหุ้นอีกรอบ ไม่จำเป็นต้องพูดเยอะ (เจ็บคอ) วานนี้ถึงเห็นหุ้นขึ้นมายืนปิดที่ 390 บาท บวกไป 18 บาท หรือขึ้นไป 4.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.05 พันล้านบาท และทำให้เชื่อว่าหุ้นจะกลับขึ้นไปยืนแถว 400 บาทอีกครั้งเท่านั้นเอง!

*คล้ายกับกรณีของหุ้นลูกอ๊อด AOT กระชากขึ้นมาปิดที่ 61.75 บาท บวกไป 1.75 บาท หรือขึ้นไป 2.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.49 พันล้านบาท น่าจะเป็นอีกไฟต์บังคับที่บีบให้กองทุนต้องเคาะขวารัว ๆ เพราะการเปิดเมืองเที่ยวนี้ทำให้คนแห่มาใช้เครื่องบินเยอะแยะไปหมด บรรดาเกจิอาจารย์ดังเลยฟันธงว่าต้องมีหุ้นลูกอ๊อดติดพอร์ตไว้สม่ำเสมอ จึงเชื่อว่าหุ้นน่าจะไปต่อแบบสวย ๆ พะยะค่ะ

*ส่วนรายที่กลับมาวิบวับอย่างร้อนแรง และกลายเป็นที่เม้าท์แตกยกใหญ่ “โมนิก้า” คงเทน้ำหนักไปยังหุ้นโรงแรม AWC หลังเปล่งพลังด้วยการทะยานขึ้นมาปิดที่ 4.24 บาท บวกไป 0.28 บาท หรือขึ้นไป 7% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 712 ล้านบาท มันเป็นจังหวะที่ทำให้นักเล่นเคลิบเคลิ้มกันยกใหญ่ พร้อมกับวาดฝันหุ้นจะวิ่งกลับขึ้นไปหาฐานเก่าบริเวณ 4.60 บาทอีกครั้ง จึงเป็นช็อตที่ต้องติดตามกันต่อไปนะคะ

*ไหน ๆ ก็เม้าท์ถึงหุ้นที่ต้องลุ้นขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” เลยถือโอกาสเล็งเป้าไปที่หุ้นขยะ BWG เพื่อเสนอเป็นออปชั่นให้กับพวกขาลุยไปเลยดีกว่า เพราะการที่หุ้นขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 0.58 บาท บวกไป 0.07 บาท หรือขึ้นไป 13.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 134 ล้านบาท น่าจะเป็นเรื่องที่เซอร์ไพรส์มาก ๆ สำหรับหุ้นที่มีผลงานในไตรมาส 1 จวนเจียนจะขาดทุน! จึงอยากให้แฟนคลับพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะไปต่อมีขนาดไหน..อิอิอิ

Back to top button