CRC เดินหน้าขยายธุรกิจในเวียดนาม ตั้งเป้าครอบคลุม 55 จังหวัดใน 5 ปี

CRC เดินหน้าขยายธุรกิจในเวียดนาม ตั้งเป้าครอบคลุม 55 จังหวัดใน 5 ปี


ญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC เผยว่า ด้วยยุทธศาสตร์ที่เน้นการขยายธุรกิจหลากหลายรูปแบบที่มีความยืดหยุ่นสูง (Resilient Portfolio) และการผนึกกำลังสร้างความร่วมมือจากพันธมิตรทุกภาคส่วน (Partnership) พร้อมนำเทคโนโลยีมาเสริมทัพธุรกิจ ทำให้เซ็นทรัล รีเทล สามารถขยายธุรกิจที่เติบโตและแข็งแกร่งได้อย่างรวดเร็ว

จากธุรกิจที่สร้างรายได้ราว 300 ล้านบาทในปี 2557 ปัจจุบัน เซ็นทรัล รีเทล เวียดนาม สามารถสร้างรายได้ถึง 37,000 ล้านบาท ในปี 2562  และแม้กระทั่งในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ยังสามารถดำเนินธุรกิจ และมีรายได้ที่มาจากความพร้อมของช่องทางออมนิแชแนลทั้งร้านค้า และระบบออนไลน์ พร้อมด้วยฐานลูกค้าที่แข็งแรงกว่า 12 ล้านคน ถือเป็นบทพิสูจน์ว่าเซ็นทรัล รีเทล เวียดนาม ยังสามารถสร้างยอดขายให้เติบโตต่อเนื่อง และให้บริการลูกค้าได้ในทุกสถานการณ์

“ความสำเร็จของเซ็นทรัล รีเทลในเวียดนามนั้น เกิดขึ้นจากการคงไว้ซึ่งดีเอ็นเอของเราที่ไม่เคยหยุดนิ่ง และแสวงหาโอกาสในการเติบโตอยู่เสมอ เรายังคงมุ่งมั่นลงทุนในประเทศเวียดนามอย่างต่อเนื่อง ด้วยศักยภาพของประเทศที่ยังเติบโตได้อีกมาก และยังคงยึดมั่นวิสัยทัศน์องค์กรที่มุ่งสร้างความเจริญรุ่งเรืองของประเทศ ควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีของชาวเวียดนามทุกคน ทั้งนี้เราขอขอบคุณลูกค้าชาวเวียดนามทุกท่านที่ให้การสนับสนุนและตอบรับกับเซ็นทรัล รีเทล ด้วยดีเสมอมา” ญนน์ กล่าว

ด้าน ฟิลิป ฌ็อง บราเอ็นนิโก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เซ็นทรัล รีเทล เวียดนาม เผยว่า จากการดำเนินธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล เวียดนาม ที่มุ่งสร้างความเจริญ และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับชาวเวียดนาม รวมถึงยังได้รับการสนับสนุนอันดีจากภาครัฐ ทำให้ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา เซ็นทรีล รีเทลได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากชาวเวียดนาม ทำให้มีลูกค้ามาใช้บริการถึง 175,000 คนต่อวัน

“ในปี 2563 เซ็นทรัล รีเทลยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผ่านแผนธุรกิจที่เน้นการขยายสาขา โดยตั้งเป้าเปิดศูนย์การค้า GO! เพิ่มทั้งหมด 6 สาขา ได้แก่ สาขาจ่าวิญ (Tra Vinh), กว๋างหงาย (Quang Ngai), บวนมาถวด (Buon Ma Thuot), เบ๊นแจ (Ben Tre), บ่าเหรี่ยะ (Ba Ria) และท้ายเหงียน (Thai Nguyen) รวมถึงรีแบรนด์บิ๊กซีเป็น GO! เพิ่ม 4 สาขา พร้อมพัฒนาเทคโนโลยี และช่องทางออมนิแชแนล โดยมุ่งเน้นการทำธุรกิจแบบ Synergy ผ่านการผนึกกำลังกับพันธมิตรชั้นนำ

อาทิ แกร็บ บนฟีเจอร์ GrabMart เพื่ออำนวยความสะดวกและตอบโจทย์เรื่องความรวดเร็วในการให้บริการลูกค้า เพื่อก้าวสู่การเป็นธุรกิจ Multi-Format เต็มรูปแบบ สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์อย่างไร้รอยต่อ สร้างความสะดวกสบาย และมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้าในทุกสถานการณ์” บราเอ็นนิโก กล่าว

ทั้งนี้ เซ็นทรัล รีเทล ได้ตั้งเป้าขยายธุรกิจให้ครอบคลุม 55 จังหวัดทั่วประเทศภายใน 5 ปี เพื่อมอบบริการที่ทั่วถึงในทุกพื้นที่ ตลอดจนสร้างงานและสร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่ชาวเวียดนาม

นอกจากนี้ เซ็นทรัล รีเทลยังได้ต่อยอดธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในเซ็นทรัล รีเทล ประเทศไทยสู่ประเทศเวียดนาม อาทิ การเปิดร้านซูเปอร์สปอร์ตในเวียดนาม, การพัฒนาศูนย์การค้า GO! ซึ่งต่อยอดมาจากโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ และการนำโมเดลธุรกิจร้านค้าเฉพาะทางต่างๆ ไปปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของชาวเวียดนาม จนเกิดเป็นธุรกิจ ฟู้ด ซิตี้, คุโบ, เฮลโหล บิวตี้ รวมถึงการนำเข้า-ส่งออกสินค้าระหว่างประเทศเวียดนามและประเทศไทย เพื่อวางจำหน่ายในเครือข่ายธุรกิจของทั้งสองประเทศอีกด้วย

ขณะเดียวกัน เซ็นทรัล รีเทล ยังเล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ ชุมชนและสังคมที่ยั่งยืน โดยเดินหน้าทำกิจกรรมเพื่อชุมชนและสังคม อาทิ โครงการรับซื้อสินค้าท้องถิ่น (Local Sourcing)

โครงการฟาร์เมอร์ มาร์เก็ต (Weekend Farmers’ Market) สนับสนุนชุมชนท้องถิ่นและผู้ประกอบการรายย่อย (SME) ในการให้พื้นที่วางจำหน่ายสินค้าในบิ๊กซี ถือเป็นอีกหนึ่งโมเดลที่ต่อยอดมาจากตลาดจริงใจที่ประสบความสำเร็จในเมืองไทย

“หัวใจหลักของการดำเนินธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล เวียดนาม คือ การร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อก้าวไปข้างหน้าพร้อมกันอย่างไม่หยุดยั้ง โดยเราไม่เพียงเข้าไปเป็นฟันเฟืองชิ้นสำคัญที่ขับเคลื่อนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ยังได้ร่วมสร้างประโยชน์กลับคืนสู่สังคมเวียดนามอย่างยั่งยืน ตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จะเป็น Central of Life หรือศูนย์กลางการใช้ชีวิตของชาวเวียดนามทุกคน และเราเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าด้วยความแข็งแกร่งของ Central Retail & Service Platform ประกอบกับการมีพอร์ตธุรกิจที่ยืดหยุ่น และหลากหลายในต่างประเทศ จะทำให้เราสามารถขยายธุรกิจไปได้อีกมหาศาลและเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว” ญนน์ กล่าว

Back to top button