พาราสาวะถี

สยบข่าวลือและแรงกระเพื่อมต่าง ๆ เป็นการชั่วคราว เมื่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยอมรับว่า โผรายชื่อครม.ประยุทธ์ 2/2 เรียบร้อยแล้ว อยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบคุณสมบัติ แต่ก็มีคำถามตามมาว่า เป็นการจบหรือตรวจสอบในส่วนของบุคคลที่ท่านผู้นำจะเสนอในโควตาของตัวเองหรือไม่ เพราะในเย็นวันเดียวกันพรรคสืบทอดอำนาจกำลังจะประชุมเพื่อเคาะรายชื่อบุคคลที่พรรคเห็นว่าเหมาะสมจะเป็นรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรค


อรชุน

สยบข่าวลือและแรงกระเพื่อมต่าง ๆ เป็นการชั่วคราว เมื่อ พลเอกประยุทธ์  จันทร์โอชา ยอมรับว่า โผรายชื่อครม.ประยุทธ์ 2/2 เรียบร้อยแล้ว อยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบคุณสมบัติ แต่ก็มีคำถามตามมาว่า เป็นการจบหรือตรวจสอบในส่วนของบุคคลที่ท่านผู้นำจะเสนอในโควตาของตัวเองหรือไม่ เพราะในเย็นวันเดียวกันพรรคสืบทอดอำนาจกำลังจะประชุมเพื่อเคาะรายชื่อบุคคลที่พรรคเห็นว่าเหมาะสมจะเป็นรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรค

แต่คงไม่มีอะไรซับซ้อน เพราะก่อนหน้านั้นแค่วันเดียว พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เพิ่งดอดขึ้นไปหารือกับท่านผู้นำถึงห้องทำงาน ซึ่งคงหนีไม่พ้นเรื่องเก้าอี้รัฐมนตรีนี่แหละ หากเป็นไปตามข่าว คงไม่มีอะไรพลิกโผโควตาของพรรคสืบทอดอำนาจ 4 ตำแหน่งไล่เรียงกันตามลำดับความสำคัญคือ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ น่าจะสมหวังกับเก้าอี้ว่าการพลังงาน โดยยกเก้าอี้รัฐมนตรีอุตสาหกรรมให้เป็นของเด็กในคาถา อนุชา นาคาศัย เพื่อให้สมกับฐานะของคนเป็นเลขาธิการพรรคหน่อย

ส่วนประธานส.ส.ของพรรคอย่าง สุชาติ ชมกลิ่น จะไปนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะเป็นที่พอใจของพรรครวมพลังประชาชาติไทยที่จับจองไว้แล้ว แม้เจ้ากระทรวงเดิม หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล จะถูกอัปเปหิไปแต่ก็มีการชงชื่อ เอนก เหล่าธรรมทัศน์ มาเสียบไว้รออยู่แล้ว แต่หากพิจารณาว่า พรรคสืบทอดอำนาจไม่มีการเสนอรายชื่อในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ก็อาจจะเป็นเงื่อนไขในการแลกกันก็ได้

หากเป็นสูตรนี้เอนกก็น่าจะมีความเหมาะสมมากกว่าไปนั่งว่าการแรงงาน ด้านโฆษกรัฐบาลเจ้าของฉายาบิ๊กอาย นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ จะประเดิมด้วยเก้าอี้ที่ไม่หวือหวามากนักอย่างรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไปก่อน ซึ่งก็ถือเป็นการขึ้นชั้นที่ไม่เรียกเสียงหมั่นไส้จากพวกเดียวกันมากนัก ฟากของหัวหน้าพรรคอย่าง พลเอกประวิตรแม้มีเสียงเยินยอจากลูกพรรคอยากให้มานั่งเก้าอี้ว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่คงไม่อยากหักกับน้องรองน้องรักอย่าง พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา

ส่วนในโควตาของท่านผู้นำ ดอน ปรมัตถ์วินัย ที่ตามข่าวว่าจะไขก๊อกไปพักผ่อนดูแลสุขภาพตามรอย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ก็ปรากฏชื่อ บรรสาน บุนนาค รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจะเข้ามาเสียบแทน ยึดตามสูตรนี้ก็ไม่เสียหายอะไร ยังเหลือในส่วนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่โผล่าสุดยังไม่หลุดจาก ปรีดี ดาวฉาย นายกสมาคมธนาคารไทย ในสถานการณ์ที่กำลังเผชิญที่จะต้องเล่นบทเพลย์เซฟ การใช้บริหารขุมกำลังซึ่งเป็นที่คุ้นเคยกันดีของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจน่าจะปลอดภัยที่สุด

หากจบกันแบบนี้ ก็หมายความว่า เก้าอี้รัฐมนตรีของสองพรรคร่วมสำคัญอย่างภูมิใจไทยกับประชาธิปัตย์ ก็จะอยู่รอดปลอดภัยตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความพยายามในพรรคเก่าแก่ที่อยากจะให้มีการขยับในบางตำแหน่งของประเภทรัฐมนตรีที่โลกลืม ซึ่งดูแนวโน้มแล้วคงเป็นไปได้ยาก เพราะสูตรการบริหารของผู้นำพรรคคนปัจจุบัน พยายามจะไม่ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมมากที่สุด เนื่องจากลำพังตัวเองไม่สามารถที่จะทัดทานการลุกฮือของพวกที่ไม่พอใจได้อยู่ ดังนั้น นิ่งไว้ก่อนเป็นดีที่สุด

อย่างไรก็ตาม การปรับครม.ดูท่าว่าจะไร้ปัญหา แต่ปมของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ดูท่าว่าจะสร้างความไม่สบายใจให้กับท่านผู้นำไม่น้อย สาเหตุหลักชัดเจนว่ามาจากส.ส.ในซีกของพรรคร่วมรัฐบาลเอง อันมาจากพรรคภูมิใจไทยที่ไม่พอใจต่อการจัดวางตำแหน่งประธานอนุกรรมาธิการจำนวน 7 คณะที่พบว่าพรรคสืบทอดอำนาจจะ กินรวบ” ทั้งหมด จึงเกิดอาการตีรวน เสนอนับองค์ประชุมจนทำให้การประชุมล่มไม่เป็นท่าเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

แน่นอนว่า ฟากฝ่ายคุมเกมอย่างพรรคสืบทอดอำนาจ วราเทพ รัตนากร คนที่ทำหน้าที่ประธานที่ประชุมวันเกิดเหตุ พยายามอธิบายว่าไม่ได้เกิดปัญหาอะไร และโยนให้เป็นความผิดของกรรมาธิการฟากฝ่ายค้านโดยชี้เป้าไปที่ วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล อดีตคนคุ้นเคย พร้อมกับอ้างว่าที่ผ่านมาอนุกรรมาธิการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณของปี 2563 คนของพรรคสืบทอดอำนาจก็นั่งประธานทั้งหมดไม่เห็นมีปัญหา แล้วจะมามีปัญหารอบนี้ทำไม

สิ่งที่วราเทพพยายามอธิบาย สวนทางกับท่วงทำนองของ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยอย่างสิ้นเชิง เมื่อเจ้าตัวประกาศว่า สิ่งที่ได้รับรายงานจาก ชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานีของพรรคที่นั่งเป็นกรรมาธิการด้วย พบว่า จะมีการมอบหมายตำแหน่งให้เพียงกลุ่มเดียว แต่นี่เป็นระบอบประชาธิปไตย จะต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน เชื่อถือซึ่งกันและกัน ถ้าทำงานให้กับประชาชนร่วมกัน ใครจะมารวบและขอทำคนเดียวคงไม่ได้ เพราะว่าอยู่ร่วมกันเป็นหมู่คณะเพื่อทำประโยชน์ให้กับบ้านเมือง

แน่วแน่ในสิ่งที่ต้องการ ยิ่งกับคำถามที่ว่าตำแหน่งที่จะไปอยู่กับพรรคพลังประชารัฐจะต้องเกลี่ยใหม่ใช่หรือไม่ ยิ่งเป็นการตอกย้ำที่หนักแน่น มันต้องเป็นเช่นนั้น เพราะถ้าจะปล่อยให้กินรวบทั้งหมดคงไม่ต้องนับองค์ประชุม เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยกันจะมาทุบโต๊ะคงไม่ใช่ พร้อมกับออกตัวก่อนว่า เรื่องนี้ไม่ใช่การแบ่งเพื่อหาผลประโยชน์ แต่ต้องมีการเกลี่ยตำแหน่งเพื่อให้ทุกคนมีบทบาทและมีส่วนร่วม แต่ก็ยังไม่วายขู่สำทับทุกคนรู้ว่าการอยู่ร่วมกันจะอยู่อย่างไร ต้องรับฟังกันบ้าง ถอยบ้าง ขอบ้าง

น่าเห็นใจ เพราะความตั้งใจของกรรมาธิการในซีกพรรคภูมิใจไทยนั้น มีความประสงค์อยากจะนั่งเป็นประธานอนุกรรมาธิการวิสามัญฯ ก่อสร้าง คงไม่ต้องถามต่อว่าเพราะอะไร มันจึงเกิดการฟาดงวงฟาดงากันขึ้น ไม่ต้องถามถึงพรรคฝ่ายค้านอย่างเพื่อไทยในฐานะพวกเดียวกันมาก่อน การมองเห็นความขัดแย้งในฝ่ายรัฐบาลย่อมพร้อมที่จะให้ความร่วมมือเต็มที่ แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นใหญ่โตอะไร เพราะสุดท้ายสิ่งที่เห็นก็เป็นเพียงแอ็กชั่นทางการเมือง แล้วทุกอย่างจะจบกันด้วยดี

อย่าลืมเป็นอันขาด ทุกยุคทุกสมัยของการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี มันเป็นเรื่องของการตกลงในผลประโยชน์ที่พอใจของทุกฝ่ายในลักษณะวิน-วิน อาจจะมีบ้างในส่วนของนักการเมืองหน้าใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากพรรคก้าวไกล แต่ในที่สุดด้วยระบบการเมือง เชื่อได้เลยว่าไม่มีอะไรให้สะดุดจนส่งผลถึงเสถียรภาพของรัฐบาลอย่างแน่นอน

Back to top button