W ปักธงธุรกิจอาหาร

ก่อนหน้านี้นักลงทุนในยุคอนาล็อกน่าจะคุ้นเคยกับหุ้นบริษัท อุตสาหกรรม อีเล็คโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ EIC ซึ่งเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ มาตั้งแต่ปี 2546 ด้วยราคาไอพีโอ 10 บาท


สำนักข่าวรัชดา

ก่อนหน้านี้นักลงทุนในยุคอนาล็อกน่าจะคุ้นเคยกับหุ้นบริษัท อุตสาหกรรม อีเล็คโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ EIC ซึ่งเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ มาตั้งแต่ปี 2546 ด้วยราคาไอพีโอ 10 บาท

แต่เนื่องจากธุรกิจหลักผลิตและจำหน่ายอะไหล่อิเล็กทรอนิกส์ ไม่ค่อยประสบความสำเร็จ จึงต้องจมปลักอยู่กับตัวเลขขาดทุนเรื้อรังมายาวนานหลายปี…

โดยปี 2559 ขาดทุนสุทธิ 134 ล้านบาท จากรายได้รวม 216 ล้านบาท ปี 2560 ขาดทุนสุทธิ 131 ล้านบาท จากรายได้รวม 241 ล้านบาท มีเว้นวรรคหนึ่งปีในปี 2561 ที่พลิกมามีกำไรสุทธิ 5 ล้านบาท จากรายได้รวม 319 ล้านบาท แต่ปี 2562 ก็กลับมาขาดทุนสุทธิ 21 ล้านบาท จากรายได้รวม 615 ล้านบาท และล่าสุดไตรมาส 1/2563 ขาดทุนสุทธิ 31 ล้านบาท จากรายได้รวม 111 ล้านบาท

แถมในอดีตมีวีรกรรมเป็นหนึ่งในหุ้นร้อนที่ถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เฝ้าจับตา ทำให้ราคาซบเซาหนัก กลายเป็นหุ้นที่ราคาเคลื่อนไหวอยู่ที่ 2–3 สตางค์เท่านั้น

ราคาเพิ่งกลับมาร้อนแรงอีกครั้งในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งปรับขึ้นไปกว่า 200% (ก็ไม่รู้ว่านักลงทุนไปกินดีหมีหัวใจเสือมาจากไหน ถึงพุ่งเข้าใส่หุ้นตัวนี้ไม่ยั้ง..)

จะว่าราคาวิ่งรับการปรับโครงสร้างธุรกิจ ที่หันมาเน้นธุรกิจที่เกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่ม และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น บริษัท วาว แฟคเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ W ก็ไม่น่าจะใช่…

โดยสตอรี่ชัดขึ้น เมื่อ W เตรียมทุ่มงบกว่า 400 ล้านบาท เข้าซื้อกิจการ DOMINO’S PIZZA” ในประเทศไทย เป็นการเปิดเกมรุกเข้าสู่ธุรกิจอาหารอย่างเต็มตัว…

“DOMINO’S PIZZA” เป็นพิชซ่าสัญชาติอเมริกา ปัจจุบันมี 27 สาขาในประเทศไทย แบ่งเป็นในกรุงเทพฯและปริมณฑล 26 สาขา และพัทยา 1 สาขา โดยเป็นเบอร์ 3 ของตลาด

W คาดหวังว่า ดีลซื้อ “DOMINO’S PIZZA” จะมาช่วยเสริมพอร์ตธุรกิจอาหารให้เติบโตแข็งแกร่งขึ้น จากเดิมที่มีแบรนด์ธุรกิจอาหารและขนม 6 แบรนด์ รวม 14 สาขา ก็จะเพิ่มเป็น 7 แบรนด์ รวม 41 สาขาทันที…

เป็นการขยายฐานลูกค้าในธุรกิจอาหารให้ครอบคลุมขึ้น จากเดิมมีแค่กลุ่มลูกค้าร้านขนมหวาน ร้านชาบูชาบู และร้านอาหารประเภท Fine-Dining ไปสู่อาหารจานด่วน

ก็น่าสนใจ W จะทำได้ดีแค่ไหน..? ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดเลือดพล่านของสองแบรนด์พิซซ่ายักษ์ใหญ่

ที่สำคัญดีลนี้ยังถูกท้วงติงมาจาก IFA หรือที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ซึ่งมองว่ามีความเสี่ยง…ผู้ถือหุ้นไม่ควรอนุมัติ

ประเด็นหลัก ๆ เป็นเรื่องค่าตอบแทนการซื้อธุรกิจที่สูงกว่าความเป็นจริง โดย IFA มองตามการเติบโตของยอดขายของแต่ละสาขาที่ 5.5% ต่อปี แต่บริษัทมองการเติบโตที่สูงถึง 15% ต่อปี ในช่วงปี 65-66 และเติบโตประมาณ 4.6% ต่อปีในปีที่เหลือ

รวมทั้ง IFA ประเมินอีกว่า ในช่วง 5 ปีแรกของการลงทุน ผลการดำเนินงานจะขาดทุน จะเริ่มเห็นกำไรจากการดำเนินงาน (EBIT) ก็โน่นแหละหลังปีที่ 5 ไปแล้ว

นั่นแปลว่าช่วง 5 ปีนี้ W อาจยังสะกดคำว่า “กำไร” ไม่เป็น…

แต่บอร์ด W ก็ยันหัวชนฝาว่า คิดมารอบคอบแล้ว และเตรียมความพร้อมไว้หมดแล้ว

ก็ต้องลุ้นกันว่า ผู้ถือหุ้นจะโหวตให้ดีลซื้อ “DOMINO’S PIZZA” หรือไม่..? ซึ่งจะชี้ชะตากันในวันที่ 24 ส.ค.นี้

นั่นหมายถึง จะเปลี่ยนโฉม W จากธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์มาสู่ธุรกิจอาหารอย่างเต็มตัว…

แต่ดูเหมือนราคาที่วิ่งไปก่อนหน้านี้ จะวิ่งนำปัจจัยพื้นฐานไปไกลโขอยู่นะ…

ยังไงก็ระวังไว้บ้างก็ดีนะ..เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน

…อิ อิ อิ…

Back to top button