“บลจ.กสิกรไทย” มองตลาดหุ้นเอเชียฟื้นตัวเร็ว ส่งกองK-ASIACV ทำกำไร ชูโมเดลคุมเสี่ยง

“บลจ.กสิกรไทย” มองตลาดหุ้นเอเชียฟื้นตัวเร็ว ส่งกองK-ASIACV ทำกำไร ชูโมเดลคุมเสี่ยง


นายนาวิน อินทรสมบัติ Chief Investment Officer (รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่ยังคงมีอยู่ในหลายประเทศทั่วโลก ผู้ลงทุนส่วนใหญ่ได้หันมาถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างเงินสดและทองคำกันมากขึ้น ทำให้เสียโอกาสจากการลงทุนในหุ้นโดยเฉพาะตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งมีกลุ่มประเทศที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ดี อาทิ จีน เกาหลีใต้ และไต้หวัน เป็นต้น

ส่งผลให้บริษัทชั้นนำในเอเชียเริ่มกลับมาดำเนินธุรกิจได้ตามปกติและมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการบริโภคภายในประเทศและในภูมิภาค นอกจากนี้ หุ้นเอเชียยังมีสัดส่วนในดัชนีหุ้นโลก (MSCI ACWI) เพียง 12% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่น้อย ในขณะที่มูลค่าทางเศรษฐกิจในเอเชียมีมากกว่า 30% ของ GDP ทั่วโลก ดังนั้น ด้วยศักยภาพและแนวโน้มการเติบโตของตลาดหุ้นเอเชีย บลจ.กสิกรไทย จึงได้จัดตั้ง กองทุนเปิดเค เอเชีย คอนโทรล โวลาติลิตี้ (K-ASIACV) โดยเปิดเสนอขายครั้งแรกในระหว่างวันที่ 18-25 สิงหาคม 2563

สำหรับกองทุน K-ASIACV มีกลยุทธ์การลงทุนผ่าน 2 กองทุนหลัก ได้แก่ Morgan Stanley Investment Funds Asia Opportunity Fund – Z Shares และ Lombard Odier Funds – Asia High Conviction, (USD), N Class A ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของบลจ.ชั้นนำระดับโลก โดยมีนโยบายการลงทุนที่เน้นคัดสรรหุ้นที่ดีที่สุดเพียง 25-40 ตัวเท่านั้น (High Conviction)และมีอัตราการเติบโตสูง (Growth Stock) อาทิ หุ้นในกลุ่ม New Economy จำพวกสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าฟุ่มเฟือย ไอที การเงิน รวมถึงธุรกิจดูแลสุขภาพ เป็นต้น นอกจากนี้ กองทุน K-ASIACV ยังถือเป็นกองทุนหุ้นเอเชียกองทุนเดียวในอุตสาหกรรมที่มีโมเดลควบคุมความเสี่ยง โดยเวลาที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนมากขึ้น โมเดลจะปรับมาถือครองเงินฝากหรือตราสารหนี้มากขึ้น ในขณะที่เมื่อตลาดหุ้นมีความผันผวนน้อยลง โมเดลจะปรับมาถือครองหุ้นให้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“สำหรับมุมมองต่อตลาดหุ้นเอเชีย เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจหลังจากที่หลายประเทศได้ประกาศใช้มาตรการคลายล็อกดาวน์ อย่างไรก็ดี เอเชียนับเป็นภูมิภาคที่สามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ได้ก่อน จึงทำให้คาดการณ์ GDP ในปีนี้ว่าจะหดตัวเพียง -0.8% ถึง -2.0% เท่านั้น

โดยการฟื้นตัวจะกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มประเทศแถบเอเชียเหนือ ได้แก่ จีน ไต้หวัน และเกาหลีใต้ ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคสินค้าและบริการภายในประเทศเป็นหลักทำให้พึ่งพาการส่งออกน้อย รวมถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรม ซึ่งจะช่วยพยุงเศรษฐกิจของประเทศอื่นในภูมิภาคเดียวกันได้ นอกจากนี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะถูกนำออกมาใช้เป็นระยะโดยเฉพาะจากฝั่งจีน ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางของนโยบายรัฐบาลและธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลก โดยสภาพคล่องในระบบที่มีอยู่สูงจะช่วยหนุนกระแสเงินลงทุนให้ไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตลาดหุ้นเอเชียได้รับปัจจัยหนุนจากการอัดฉีดเงินเพื่อกระตุ้นสภาพคล่องและการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลกในระยะที่ผ่านมา ซึ่งจะส่งผลต่อแนวโน้มในการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาว” นายนาวินกล่าว

สำหรับผู้ลงทุนที่มีประสบการณ์การลงทุนในกองทุนหุ้นต่างประเทศ สามารถลงทุนได้เป็นระยะเวลามากกว่า 5 ปีขึ้นไป และคาดหวังผลตอบแทนจากหุ้นเอเชียที่มีแนวโน้มเติบโตสูง ในขณะเดียวกันที่ต้องการกำจัดความเสี่ยงขาลงในยามที่ตลาดผันผวน ก็สามารถมาลงทุนในกองทุน K-ASIACV โดยเริ่มต้นลงทุนเพียง 500 บาท ผ่าน App K PLUS, K-My Funds, ธนาคารกสิกรไทย หรือ ผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ตามช่องทางการลงทุนข้างต้น หรือ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888

Back to top button