เคาะ 13 หุ้นเด่นโบรกฯการันตีงบไตรมาส 3/2563 กำไรโตดี

เคาะ 13 หุ้นเด่นโบรกฯการันตีงบไตรมาส 3/2563 กำไรโตดี


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการสำรวจกลุ่มหุ้นที่คาดว่ากำไรไตรมาส 3/63 จะเติบโตดีมานำเสนอ โดยครั้งนี้ทำการรวบรวมข้อมูลจากโบรกฯเกอร์ชั้นนำของไทย อาทิ บล.กรุงศรี บล.ทิสโก้ และ บล.โนมูระ พัฒนสิน โดยกลุ่มหุ้นที่คาดว่ากำไรไตรมาส 3/63 จะออกมาโตเด่น ได้แก่ TU,ASIAN,COM7,CHG,PTG,PLANB,BGC,DELTA,KCE,KTC,MTC,PRM,SYNEX เป็นต้น ดังบทวิเคราะห์ที่ระบุไว้ดังนี้

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า  แนวโน้มตลาดหุ้นมุมมองเป็นกลาง คาด SET แกว่งตัว 1,280 – 1,295 จุด แม้จะได้แรงหนุนจากการชุมนุมไม่มีความรุนแรง แต่การที่กลุ่มนักศึกษาจะกลับมาชุมนุมอีกครั้งในเดือนหน้ายังคงเป็น Overhang ต่อตลาด ประกอบกับความกังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ-จีน รวมถึง Fund flow ต่างชาติที่ไหลออกต่อเนื่องจะเป็นแรงกดดันให้ภาวะตลาดผันผวน

กลยุทธ์การลงทุน: รอซื้อกลุ่มที่คาดว่างบไตรมาส 3/63 เติบโต TU,ASIAN,COM7,CHG,PTG,PLANB และ PTTEP,TOP PTTGC ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวขึ้น

 

บล.ทิสโก้  ระบุในบทวิเคราะห์ว่า กลยุทธ์การลงทุน : รับความเสี่ยงได้สูง เก็งกำไรได้ / จังหวะสะสมเพื่อการลงทุน

สำหรับการเก็งกำไรช่วงนี้ต้องรับความเสี่ยงได้สูง เน้นเลือกเป็นรายตัว, เข้า-ออกไว ไม่หวังส่วนต่างราคามาก มองหุ้นยังไม่เปลี่ยนแนวโน้มแกว่งซิกแซกลง / พอร์ตลงทุน แนะหาจังหวะสะสมช่วงอ่อนตัว แต่ไม่ต้องรีบร้อนในช่วง 1-2 เดือนนี้

-โดยเน้นลงทุนกลุ่มดังนี้ หุ้นรับอานิสงส์ข่าววัคซีนและการเริ่มเปิดรับนทท.แบบพิเศษ (STV) ชอบ AOT, BDMS, CENTEL, SPA

-หุ้นเก็ง “Window Dressing” – BCH, BGRIM, BJC, CBG, EPG, GULF, ORI

-หุ้นที่ประเมินเบื้องต้นว่างบไตรมาส 3/2563 จะดีทั้ง เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และเทียบไตรมาสก่อนหน้า – BGC, DELTA, KCE, KTC, MTC, PRM, SYNEX

-หุ้นน่าสะสม “เพื่อการลงทุน” เน้นราคายัง Laggard แต่แนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวขึ้น ชอบ AEONTS, BAM, BDMS, BEM, CPALL, KTC, MTC, WHA  เป็นต้น

 

บล.โนมูระ พัฒนสิน คาดตลาดหุ้นไทย “Sideways/Down” ต้าน 1298/1305 จุด รับ 1279/1270 จุด จิตวิทยาการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงยังเป็นกลาง-ลบ ในระยะสั้น จาก 1) หุ้น Tech ยังเสี่ยงถูกขายต่อเนื่อง ล่าสุด EU ส่งสัญญาณลดการผูกขาดของบริษัท Tech ขนาดใหญ่ (นโยบายสอดคล้องกับ Joe Baiden ตัวแทนรับเลือกตั้งปธน สหรัฐฯ ของพรรคเดโมแครต) ส่งผลกองทุน Invesco QQQ ETF ซึ่งลงทุนในดัชนี NASDAQ 100 ปรับฐาน -9.6% MTD ลงหนักสุดตั้งแต่ GFC 2008 สวนทางราคาหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่เริ่มฟื้นตัว โดย 1 เดือนที่ผ่านมากลุ่ม Material และ Industrial ขึ้น 5.91% และ 2.98% ตามลำดับ บ่งชี้ภาพการเกิด Sector rotation Growth สู่ Laggard/Value

2) ความล่าช้าของการออกแผนกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ เฟส 4 เนื่องจาก กระบวนการสรรหาผู้พิพากษาศาลสูงคนใหม่ แทนคุณ Ruth Bader Ginsburg ที่เพิ่งเสียชีวิต สอดคล้องมุมมอง Nomura ประเมินแผนดังกล่าวจะไม่คืบหน้าก่อนการเลือกตั้ง ปธน สหรัฐฯ และ 3) การแพร่ระบาด Covid-19 ที่รุนแรง ทำให้กลายประเทศกลับมา Lockdown กดดันกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เพิ่ม Downside risk ต่อ GDP 2020 โดยล่าสุดอังกฤษเตรียมประกาศ Lockdown อีกครั้งหลังยอดผู้ติดเชื้อสูงขึ้นสู่ 6,000 รายต่อวัน จาก 800 รายต่อวันในช่วงก่อน

ด้านปัจจัยภายในมีปัจจัยบวกจากส.ส.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 64 แล้ว และจะส่งต่อให้ ส.ว. พิจารณาต่อในวันที่ 21-22 ก.ย.  ถ้าส.ว.เห็นชอบ คาดว่าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะนำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณขึ้นทูลเกล้าฯถวาย ในวันที่ 29 ก.ย.

ส่วนประเด็นการเมืองสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาการชุมนุมเป็นไปโดยสงบเรียบร้อย โดยการชุมนุมอีกครั้งอาจมีขึ้นที่รัฐสภาวันที่ 24 ก.ย. นี้ เพื่อจับตาการอภิปรายแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนประเด็นอื่นๆ ที่ต้องติดตาม คือ คาดตลาดจะมีความชัดเจนต่อ/ไม่ต่อมาตรการลดความผันผวน(Plus Tick Shortsell, Ceiling/Floors +-15%) ในสัปดาห์นี้ สำหรับหุ้นที่ Outlook 3Q20 เชิงบวก TU, CPF, ICHI, HTC, WICE, BEM, SMT, KCE, HANA, XO, SAPPE

WICE (TP20F 7.05*) : Support 4.98/4.9  Resistant 5.15/5.25

Earnings Outlook: ธุรกิจ Air Freight และ Sea Freight (สัดส่วนรายได้ราว 65%) รับอานิสงส์ปิดน่านฟ้า ขณะที่ บริษัทมีเครือข่ายพันธมิตรแข็งแกร่ง ยังให้บริการโลจิสติกต์ได้ตามปกติ ทำให้มีลูกค้าเพิ่มขึ้น และอัตราราคาให้บริการเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงพัฒนาการของบริษัทเอง ผลักดันธุรกิจขนส่ง Cross border (บ.ETL) พลิกมามีกำไร โดยกำไร 2Q20 เป็น New high ที่ 55 ลบ. (+83% q-q, +485% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) และคาดกำไรอีก 2 ไตรมาสที่เหลือยังเด่นต่อเนื่องไปถึงสิ้นปี คาดกำไรปี 20F 201 ลบ. (+225% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) และประเมินกำไร 21/22F เติบโต +15/12%

Valuation: ราคาซื้อขายไม่แพง ที่ PER21F 14 เท่า ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 23 เท่า และคาดยังมี upside จากโอกาสการขยายธุรกิจผ่านการทำ M&A/JV เพิ่มเติม

Catalyst: ยังเป็นหุ้นเด่นที่แนวโน้มกำไร 2H20F ทั้ง 2 ไตรมาสยังดีต่อเนื่อง เห็น Upgrade cycle ต่อเนื่อง และเข้ากับ 2 theme การลงทุน คือ 1) ได้ประโยชน์จาก Covid-19 หนุนค่าขนส่งปรับขึ้น 2) เป็นหุ้นรับประโยชน์ในวงจรอิเล็กทรอนิกส์โดยเฉพาะลูกค้าหลักจีน ที่ตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดี และภาพกลุ่มอิเล็กฯคาดผ่านจุดต่ำสุดและจะฟื้นตัว 2H20F

 

XO (BUY TP20F 10.5*) : Support 8.8/8.7 Resistant 9.1/9.25   

Earning outlook: ประเมินกำไรไตรมาส 3/63 อาจดีกว่าที่เราและตลาดคาดว่ากำไรผ่านช่วงพีคใน 2Q20 มาแล้ว แต่มองผล Covid-19 ในต่างประเทศ ที่ยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ฐานลูกค้าหลัก (ยุโรป) ยังมีคำสั่งซื้อต่อเนื่องในกลุ่มซอส (สินค้าหลัก) จากการประกอบอาหารเอง โดยรวมคาดกำไรไตรมาส 3/63 ราว 90-95 ลบ. ใกล้เคียง 2Q20 ที่เป็น New high รายไตรมาส และเพิ่ม 120% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

Valuation: ราคาหุ้นยังเป็นจุดเก็งกำไรได้ โดยซื้อขาย PER20F ต่ำ 18x ต่ำกว่า Mean ที่ 25x

Catalyst: 2nd wave ผู้ป่วย Covid-19 ในยุโรป ดูแรงขึ้นในหลายประเทศ (สเปน ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ อังกฤษ เยอรมัน) ล่าสุดรัฐบาลอังกฤษมีแผนอาจใช้มาตรการ Lock down บางส่วน โดยเฉพาะร้านอาหาร เป็นปัจจัยบวกและเป็น Upside risk ของ XO เพิ่ม ซึ่งคาดกำไร 3Q20F ยังเป็นระดับสูง และดีกว่าตลาดคาดไว้เดิม รวมถึง ยิ่งสถานการณ์ยังเข้มข้น จะยิ่งเพิ่มโอกาสเปลี่ยนพฤติกรรมสู่การประกอบอาหารเองมากขึ้น เป็น Upside risk ต่อประมาณการระยะกลางเพิ่มเติม

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button