“กอร.ฉ.” แจงเอกสารสั่งปิดเว็บข่าว เพียงจัดการข้อมูลปลุกปั่น ยันไม่จำกัดเสรีภาพสื่อ

“กอร.ฉ.” แจงเอกสารสั่งปิดเว็บข่าว เพียงจัดการข้อมูลปลุกปั่น ยันไม่จำกัดเสรีภาพสื่อ


พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วย ผบ.ตร.แถลงในนามกองอำนวยการร่วมแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง (กอร.ฉ.) กรณีมีคำสั่งหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ที่ 4/2563 เรื่อง ให้ตรวจสอบและให้ระงับการออกอากาศรายการที่มีลักษณะตามข้อ 2 ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 ประกอบมาตรา 11 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินว่า กอร.ฉ.ไม่มีนโยบาย/คำสั่ง ที่จะจำกัดสิทธิเสรีภาพของสื่อ และยังไม่มีการสั่งปิดสื่อ เป็นเพียงการจัดการข้อมูลข่าวสาร ที่มีปัญหาเป็นชิ้นๆ หรือ ช่วงเวลาไป เป็นข้อมูลที่อาจก่อให้เกิดความสับสน ก่อให้เกิดสถานการณ์รุนแรง ดังนั้น เพื่อประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ จึงจำเป็นต้องออกมาในลักษณะนี้ก่อน

ส่วนเหตุผลที่ออกประกาศฉบับที่ 4 ดังกล่าว เนื่องจากได้รับแจ้งจากหน่วยข่าวว่ามีการนำเสนอข้อมูลที่อาจจะเกิดความสับสน ปลุกปั่น ก่อให้เกิดความไม่สงบได้ จึงออกประกาศออกมา

อย่างไรก็ตาม การประกาศออกมาเป็นประกาศที่จะต้องให้หน่วยงาน อาทิ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ไปพิจารณาในเรื่องของข้อมูลข่าวสารที่ได้รับมา หรือมีอยู่ว่าทำผิดกฎหมายหรือไม่ หากผิดกฎหมายให้หน่วยงานนั้นๆ ไปดำเนินการพิจารณาตามการบังคับใช้กฎหมายในสภาวะปกติ คือ ถ้าต้องการถอดข้อความออกเป็นบางช่วง หรือ ระงับการออกอากาศต้องไปขออำนาจศาล จึงขอแจ้งให้ทราบ เนื่องจากการประกาศฉบับนี้ออกมา ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้บังคับใช้ เนื่องจากจำเป็นต้องมีการกำหนดขั้นตอน หลักเกณฑ์ วิธีการปฏิบัติให้เป็นมาตรฐานเดียวกันต่อไป

ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) กล่าวถึงการชุมนุมในกรุงเทพมหานครใน 3 พื้นที่เมื่อวานนี้ (18 ต.ค.63) ว่า บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มีผู้ชุมนุมประมาณ 12,000-14,000 คน บริเวณแยกอโศก ถนนอโศกมนตรี มีผู้ชุมนุมประมาณ 2,000 คน และบริเวณแยกบางนา ถนนสุขุมวิทขาเข้าและขาออก (อุดมสุข-บางนา) มีผู้ชุมนุมประมาณ 3,500 คน รวมมีผู้ชุมนุมทั้งสิ้น 20,000 คน โดยบช.น. ได้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูแลความรักษาความสงบเรียบร้อย จำนวน 12 กองร้อย

สำหรับการดำเนินการกับผู้กระทำผิดกับผู้ที่ฝ่า พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และความผิดอื่น ๆ ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ตำรวจได้ควบคุมตัวนายชินวัตร จันทร์กระจ่าง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงปทุมวัน ลงวันที่ 17 ตุลาคม 2563 ในฐานความผิดฝ่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จากนั้นได้อายัดตัวไปดำเนินคดีต่อตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ลงวันที่ 17 ตุลาคม 2563 ในฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116

และได้รับมอบตัว นพ.ทศพร เสรีรักษ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงปทุมวัน ลงวันที่ 17 ตุลาคม 2563 ในฐานความผิดฝ่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ขณะนี้ตำรวจได้คุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 รายไปผัดฟ้องฝากขังยังศาลแขวงปทุมวันเรียบร้อยแล้ว ขณะที่มียอดสะสมผู้กระทำความผิดและถูกจับกุมตัว มีทั้งสิ้น 74 ราย มีทั้งแกนนำและผู้ชุมนุม ซึ่งทางบช.น.ยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำผิดทุกราย

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวถึงกรณีผู้ชุมนุมบริเวณบางนา ทำลายทรัพย์สินของทางราชการได้รับความเสียหาย โดยได้มีการขว้างปาสิ่งของตู้ควบคุมสัญญาณไฟจราจร  วันนี้จะขอศาลออกหมายจับผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีต่อไป

Back to top button