สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 6 พ.ย. 2563

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 6 พ.ย. 2563


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อวันศุกร์ (6 พ.ย.) โดยถูกกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ แม้ว่านายโจ ไบเดน ผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครตมีคะแนนนำประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และใกล้ที่จะได้รับชัยชนะก็ตาม นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,323.40 จุด ลดลง 66.78 จุดหรือ -0.24%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,509.44 จุด ลดลง 1.01 จุดหรือ -0.03% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,895.23 จุด เพิ่มขึ้น 4.30 จุด หรือ +0.04%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อวันศุกร์ (6 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขายหุ้นออกมาเพื่อทำกำไร ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในยุโรป และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ

ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.20% ปิดที่ 366.40 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,960.88 จุด ลดลง 23.11 จุด หรือ -0.46% และ ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,480.02 จุด ลดลง 88.07 จุด หรือ -0.70% ขณะที่ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,910.02 จุด เพิ่มขึ้น 3.84 จุด หรือ +0.07%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ (6 พ.ย.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่พุ่งขึ้นตามราคาโลหะซึ่งได้แรงหนุนจากเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง แต่ตลาดปรับตัวขึ้นไม่มากนักท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในอังกฤษ รวมถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าหลัง Brexit และผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,910.02 จุด เพิ่มขึ้น 3.84 จุด หรือ +0.07%

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ (6 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่า การแพร่ระบาดทั่วโลกของโรคโควิด-19 รวมทั้งการใช้มาตรการล็อกดาวน์ในประเทศต่างๆ จะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 1.65 ดอลลาร์ หรือ 4.3% ปิดที่ 37.14  ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 1.48 ดอลลาร์ หรือ 3.6% ปิดที่ 39.45 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ (6 พ.ย.) เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ และเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงได้หนุนแรงซื้อสัญญาทองคำ

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. บวก 4.90 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ 1,951.70 ดอลลาร์/ออนซ์ และปรับตัวขึ้น 3.8% ในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่สัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 31 ก.ค.

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 47.1 เซนต์ หรือ 1.87% ปิดที่ 25.662  ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 50 เซนต์ หรือ 0.06% ปิดที่ 899.4  ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 116.40 ดอลลาร์ หรือ 4.9% ปิดที่ 2,500  ดอลลาร์/ออนซ์

 

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (6 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขายดอลลาร์ หลังจากที่มีการคาดการณ์กันว่า นายโจ ไบเดน ผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครตจะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ แต่พรรครีพับลิกันจะยังคงครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐ ซึ่งก็จะทำให้พรรคเดโมแครตเผชิญความยากลำบากในการอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่เพื่อเยียวยาผลกระทบจากโรคโควิด-19

นอกจากนี้ นักลงทุนยังปรับตัวรับการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเกินคาด

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.31% แตะที่ 92.2369

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 103.23 เยน จากระดับ 103.50 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8993 ฟรังก์ จากระดับ 0.9043 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3027 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3039 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1879 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1838  ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3158 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3143 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7266 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ  0.7284 ดอลลาร์สหรัฐ

Back to top button