3 สัปดาห์ 200 จุด

*แม้ตลาดหุ้นไทยจะเผชิญกับแรงขายทำกำไรอย่างดุเดือดเผ็ดมัน แต่ในขณะเดียวกันก็มีแรงซื้อเข้ามารับหุ้น และดันหุ้นเป็นระยะ ไม่ได้ทำให้เดี๊ยนรู้สึกตื่นตระหนกกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเป็นเรื่องที่เคยเกริ่นให้ฟังหลายครั้งว่า ตลาดหุ้นจำเป็นต้องผ่านกระบวนการทดสอบกำลังใจ เพื่อทำให้ฐานใหม่ที่สูงขึ้นกว่าเดิมแกร่งดังภูผา จึงอยากให้แฟนคลับขาลุยเข้าใจโมเมนตัมของตลาดหุ้นไทยตรงนี้ด้วยนะจ๊ะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*แม้ตลาดหุ้นไทยจะเผชิญกับแรงขายทำกำไรอย่างดุเดือดเผ็ดมัน แต่ในขณะเดียวกันก็มีแรงซื้อเข้ามารับหุ้น และดันหุ้นเป็นระยะ ไม่ได้ทำให้เดี๊ยนรู้สึกตื่นตระหนกกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเป็นเรื่องที่เคยเกริ่นให้ฟังหลายครั้งว่า ตลาดหุ้นจำเป็นต้องผ่านกระบวนการทดสอบกำลังใจ เพื่อทำให้ฐานใหม่ที่สูงขึ้นกว่าเดิมแกร่งดังภูผา จึงอยากให้แฟนคลับขาลุยเข้าใจโมเมนตัมของตลาดหุ้นไทยตรงนี้ด้วยนะจ๊ะ

*ด้วยเหตุนี้ถึงมองการยืนปิดของดัชนีที่ระดับ 1,401.63 จุด ลบไป 18.80 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.02 แสนล้านบาท น่าจะเป็นโอกาสทองของคนที่มีเงินเย็น หลังปัจจัยบวกใหม่ ๆ ทยอยเปิดตัวให้เห็นเยอะขึ้น ผนวกกับสัญญาณฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกก็ดีขึ้นเป็นลำดับ “โมนิก้า” จึงอยากเม้าท์ถึงการปรับตัวของผู้ประกอบการให้เข้ากับสถานการณ์โลก เพราะเป็นการสร้างความยั่งยืนแบบบูรณาการให้กับธุรกิจของตัวเองนะซี

*วันนี้จึงเป็นอีกครั้งที่เดี๊ยนไม่วอร์รี่อะไรทั้งสิ้น เพราะของมันเห็นกันเต็มตาว่า ดัชนียังประคองตัวยืนเหนือระดับ 1,400 จุดได้อีกวัน บวกกับยังมีเส้นแนวรับ 10 วันรอรับอยู่ที่บริเวณ 1,370 จุดอีกชั้นหนึ่ง  “โมนิก้า” ถึงกล้าพูดอย่างเต็มปากว่า ให้ดัชนีร่วงลงมากถึง 50 จุด..ก็ยังรับไหว ! เพราะดัชนีปรับตัวขึ้น 200 จุดโดยใช้เวลาแค่ 3 สัปดาห์ ซึ่งเป็นการเร่งอุณหภูมิการลงทุนให้ร้อนเกินไปพะยะค่ะ

*เช่นเดียวกับเหตุการณ์หุ้นยางมะตอย TASCO โดนขาประจำถลุงหนักจนติดมุมแดง ก็เป็นเรื่องของการรนหาที่เอง ไม่ได้เกี่ยวกับใครอะไรทั้งนั้น ก็ในเมื่อเห็นกันอย่างทนโท่ว่า ในอนาคตจะมีปัญหากำไรวูบ และยังทะลึ่งเชื่อว่า ไม่มีอะไรร้ายแรง และน่าจะเอาอยู่ ? พอเอาเข้าจริงกลับไม่ชัวร์สักอย่าง วานนี้เลยโดนกดหัวลงมาที่ 18.40 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 7.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.28 พันล้านบาทแบบง่าย ๆ เจ้าค่ะ

*ส่วนรายที่มีลักษณะ “เร็ว แรง” เกินพื้นฐานไปค่อนข้างเยอะอย่าง NRF กลายเป็นหุ้นที่มีคนเล่นแค่กระจึ๋งนึงไปเสียแล้ว เพราะเมื่อดูการบุ๊กกำไรที่จะเกิดขึ้นจริงในปีหน้า คงต้องลุ้นกันอีกหลายยกเลยทีเดียว ส่งผลให้นักเล่นขาจรพากันขายหุ้นเพื่อไปเล่นหุ้นตัวอื่นชั่วคราว วานนี้ถึงเห็นหุ้นลงมายืนปิดที่ 6.25 บาท ลบไป 0.45 บาท หรือลงไป 6.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 120 ล้านบาท แถมเมื่อดูการเทรดบนค่า P/E 94 เท่า ยิ่งทำให้สยองไปกันใหญ่นะ..คุณแดน !

*สำหรับรายของ BH กลายเป็นหุ้นที่ได้รับผลข้างเคียงจากผู้ถือหุ้นใหญ่ขายหุ้นยกล็อตแบบนี้ “โมนิก้า” คงไม่ต้องสาธยายอะไรให้ฟังมากความ เพราะทันทีที่เปิดราคาขายมาแค่ 103 บาท เทียบกับราคาหุ้นในกระดานวันก่อนอยู่ที่ 123.50 บาท ก็ทำให้ราคาหุ้นรูดลงมาปิดที่ 115 บาท ลบไป 8.50 บาท หรือลงไป 6.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.15 พันล้านบาททันที พร้อมกับระแวงกลุ่มทุนใหม่จะสาดหุ้นใส่ เพราะมุกเรื่องซินเนอร์จี้ธุรกิจโรงพยาบาลมันไม่ขลังแล้วนะซี

*คล้ายกับกรณีของหุ้นกระต๊าก STARK ทำนักเล่น “ขาใหญ่ ขาเล็ก” เจ๊งระนาว เพียงเพราะเกมหุ้นไม่เป็นเหมือนกับช่วงหาเสียง เลยผุดแผนเอาตัวเองรอดเพียงคนเดียว เลยกลายเป็นบาดแผลที่ทำให้ทุกคนเข็ดแบบนี้ “โมนิก้า” คงพูดได้แค่ว่า จบแล้วค่ะนาย ! จึงไม่ขอคอมเมนต์การขึ้นมาปิดที่ 1.83 บาท บวกไป 0.04 บาท หรือขึ้นไป 2.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 532 ล้านบาท เพราะมองแค่ 2.50 พันล้านหุ้นใครจะเป็นคนยก..ทุกคนก็เบ้ปากกันเป็นแถว..อิอิอิ

*อีกรายที่น่าจะตกที่นั่งลำบากในระยะยาวคงมองไปที่ STGT เพราะทันทีที่มีข่าว ปตท. เดินหน้าลุยทำถุงมือยาง ก็ทำให้แมงลือเม้าท์มอยกันสนุกสนานว่า สนามแข่งขันนี้เดือดแน่ ! เพราะยักษ์ใหญ่ลงมาเล่นเต็มตัว และผลกระทบจริง ๆ จะเกิดขึ้นราวปี 65 เดี๊ยนถึงอยากบอกกับแฟนคลับให้รู้ตัวตั้งแต่เนิ่น ๆ หลังเห็นราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 72.75 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 1% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.45 พันล้านบาทแบบชิว ๆ พะยะค่ะ

*ส่วนคนที่ชอบอะไรตายตัว “โมนิก้า” คงมองไปที่น้องสี TOA เป็นตัวเลือกแรก เพราะจากการเพ่งพินิจกำไรต่อหุ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาอยู่ในระดับ 0.90-1.05 บาท โดยราคาหุ้นตอบรับด้วยการแกว่งตัวในกรอบ 30-40 บาท เดี๊ยนเลยเชื่อว่า ปีนี้ก็คงไม่ต่างกัน ! จึงมองราคาปิดที่ 36.75 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 4.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 400 ล้านบาท ยังน่าสนใจสำหรับหุ้นที่ไม่มี Growth..ไม่เชื่อถามเฮีย “ประจักษ์” ดูก็ได้ว่า น้องโมพูดถูกไหม ?

*ปิดท้ายกันที่เผือกร้อน OTO กันสักหน่อยดีกว่า หลังมีข่าวลือหนาหูเกี่ยวกับ เสี่ย อ. เข้ามาโรมรันพันตู จนราคาหุ้นพุ่งขึ้นมาปิดที่ 4.90 บาท บวกไป 0.54 บาท หรือขึ้นไป 12.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 60 ล้านบาท ทั้งที่ต้นเดือนยังยืนเกา..อยู่ที่ 3.20 บาท ทำให้พรายกระซิบต้องร้อยท่อต่อสายตรงเพื่อเม้าท์ให้ฟังว่า เรื่องนี้น่าจะเกี่ยวกับดีลหุ้นไฟฟ้าจอมอื้อฉาว จึงมีเงื่อนงำให้ “โมนิก้า” ได้ตามขุดคุ้ยต่ออีกวันนี้แน่ ๆ เจ้าค่ะ

Back to top button