“สธ.” พบหญิงลอบเข้าเมืองจากเมียนมา ติด “โควิด” อีก 6 ราย อยู่ในพื้นที่ 5 จ. รวม กทม.

“สธ.” พบหญิงลอบเข้าเมืองจากเมียนมา ติด "โควิด" อีก 6 ราย อยู่ในพื้นที่ 5 จ. รวม กทม.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (2 ธ.ค.63) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวความคืบหน้ากรณีหญิงไทยลักลอบเดินทางจากประเทศเมียนมาเข้าประเทศไทยติดเชื้อโควิด-19  โดยระบุว่า พบหญิงไทยผู้ติดเชื้อโควิดจากเมียนมาเพิ่มอีก 6 คน ซึ่งเป็นผู้ที่ลักลอบเดินทางกลับเข้าประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติ ทั้งหมดเป็นผู้ที่เดินทางไปเที่ยวหรือทำงานสถานบันเทิงในท่าขี้เหล็กของเมียนมาที่เป็นชายแดนติดกับ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เช่นเดียวกับผู้ติดเชื้อที่พบก่อนหน้านี้ 4 ราย แต่พบว่าครึ่งหนึ่งไม่มีอาการ

ทั้งนี้ จากการสอบสวนโรคพบว่าหลังจากเดินทางกลับเข้ามาในประเทศแล้วบุคคลกลุ่มดังกล่าวได้เดินทางไปในหลายสถานที่ ซึ่งขณะนี้อยู่ใน จ.เชียงใหม่ พะเยา พิจิตร กทม.และ ราชบุรี โดยใช้บริการรถสาธารณะ โดยสารเครื่องบิน และไปเที่ยวสถานบันเทิง ขณะที่ไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม ล่าสุดการติดตามกลุ่มดังกล่าวยังไม่พบการนำเชื้อไปติดยังผู้อื่น จึงยังไม่พบการแพร่กระจายในประเทศ

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค ชี้แจงถึงไทม์ไลน์ของผู้ป่วยใหม่ทั้ง 6 ราย

รายแรก เป็นหญิงไทยอายุ 28 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.พะเยา ทำงานที่สถานบันเทิงในประเทศเมียนมา และเดินทางกลับประเทศไทย เมื่อวันที่ 27 พ.ย. โดยเส้นทางธรรมชาติกับชาวเมียนมา 1 คน โดยรถจักรยานยนต์มาที่ขนส่งแม่สาย จากนั้นจ้างรถแท็กซี่แดง-ขาวไปหน้า Big C เชียงราย

วันที่ 28 พ.ย. ช่วงเช้าเพื่อนมารับ และเหมาแท็กซี่แดง-ขาวมาที่ตัวเมืองเชียงราย (สวมหน้ากากทั้งคู่) และพักห้องเช่าของเพื่อน ตึกแถวหลัง BigC เชียงราย ช่วงค่ำออกไปซื้ออาหารเย็นที่ร้านค้าในตัวเมืองมากินที่ห้อง

วันที่ 29 พ.ย. ช่วงเช้า-บ่ายไม่ได้ออกจากที่พัก ส่วนช่วงเย็นแฟนขับรถส่วนตัวจากจ.พะเยา มารับไปเที่ยวงานสิงห์ปาร์ค โดยนั่งรถสองแถวเข้างาน นั่งโต๊ะบริเวณลานเบียร์ เดินซื้ออาหารและเบียร์ ไม่ได้เข้าไปบริเวณหน้าเวที (สวมหน้ากากตลอด ยกเว้นช่วงดื่มเบียร์) จากนั้นกลับห้องเช่าของเพื่อน นั่งดื่มเบียร์ต่อ และออกไปพักโรงแรม Hop Inn ในตัวเมือง

วันที่ 30 พ.ย. เช็คเอ้าท์จากโรงแรมในช่วงเที่ยง และไปทานอาหารกลางวัน ที่ร้านอาหารระหว่างทาง และ 7-11 ปตท. แม่สรวย เดินทางไปจ.เชียงใหม่ โดยใช้เส้นทางเชียงราย-เวียงป่าเป้า-แม่ขะจาน
เมื่อถึงจ.เชียงใหม่ เข้ารับการตรวจเชื้อ รพ.เอกชน และเดินทางกลับจ.พะเยา ด้วยรถส่วนตัวกับแฟน แวะปั๊ม ปตท.แม่ขะจาน เข้าห้องน้ำ และเข้ารับการรักษา รพ.พะเยา เวลา 24.00 น.

วันที่ 1 ธ.ค. ได้รับแจ้งจากรพ.เอกชน จ.เชียงใหม่ ผลตรวจพบเชื้อ

– รายที่ 2 เป็นหญิงไทย อายุ 21 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ กทม.

วันที่ 17-27 พ.ย. ไปเที่ยวโรงแรม 1G1 ที่ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา พร้อมกับเพื่อนสนิทที่อาศัยอยู่ใน จ.พิจิตร

วันที่ 28 พ.ย. เดินทางเข้าประเทศไทย ผ่านช่องทางธรรมชาติ อ.แม่สาย จ.เชียงราย มีรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างมารับส่งที่โรงแรมที่พัก ต่อมาเริ่มมีไข้ เจ็บคอ น้ำมูก เรียกรถ Grab ไปส่งสนามบินเชียงราย ขึ้นเครื่องบินไฟล์ท DD8717 ลงสนามบินดอนเมือง และนั่งแท็กซี่จากสนามบินกลับที่พัก

วันที่ 29 พ.ย. ไปตรวจที่คลินิกแพทย์ ได้รับคำแนะนำให้ไป รพ. โดยนั่งรถส่วนตัวไป รพ.เอกชนกับแฟน ผลตรวจพบเชื้อ

– รายที่ 3 เป็นหญิงไทย อายุ 25 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.พิจิตร

วันที่ 17-27 พ.ย. ไปเที่ยวประเทสเมียนมา พร้อมเพื่อนสนิทที่อาศัยอยู่กทม.

วันที่ 28 พ.ย. เดินทางเข้าประเทศไทย ผ่านช่องทางธรรมชาติ อ.แม่สาย จ.เชียงราย มีรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างมารับส่งที่โรงแรมที่พัก ต่อมาเริ่มมีไข้ เจ็บคอ น้ำมูก เรียกรถ Grab ไปส่งสนามบินเชียงราย ขึ้นเครื่องบินไฟล์ท DD8717 ลงสนามบินดอนเมือง และต่อเครื่องไปลงสนามบินจ.พิษณุโลก มีเพื่อนมารับที่สนามบิน และเดินทางกลับจ.พิจิตร โดยพักอาศัยกับเพื่อนที่มารับ และไปทานร้านอาหาร Bird Bar กับเพื่อน 4 คน โดยไม่สวมหน้ากากอนามัย

วันที่ 29 พ.ย. ช่วงเช้ากินก๋วยเตี๋ยวที่หน้าปากซอยหอพัก ช่วงเย็นไปร้าน Bird Bar ต่อด้วยร้าน Crocodile Rock Pub

วันที่ 30 พ.ย. ทำเล็บ สั่ง Grab มาทานมื้อกลางวัน ช่วงเย็นไปร้าน Bird Bar ต่อด้วยร้าน Crocodile Rock Pub

วันที่ 1 ธ.ค. สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิจิตร เก็บตัวอย่างส่งตรวจ ผลตรวจพบเชื้อ นำไปกักกันที่ Local Quarantine

– รายที่ 4 หญิงไทย อายุ 36 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.ราชบุรี

วันที่ 3-28 พ.ย. อยู่ประเทศเมียนมา และไปเที่ยวสถานบันเทิง 1G1 ในช่วงวันที่ 23-24 พ.ย. และในงานพบกับเคสที่มีผลการตรวจพบเชื้อ ให้ประวัติว่าอยู่คนละกลุ่มและคนละห้อง แต่สังเกตุว่าเพื่อนร่วมห้อง 1 คนเริ่มมีอาการไข้ หนาวสั่น ไอ มีน้ำมูก จากนั้นในวันที่ 26 พ.ย.เริ่มไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ ปวดกล้ามเนื้อ จึงซื้อยากินเอง

วันที่ 28 พ.ย. เดินทางกลับไทย โดยช่องทางธรรมชาติ โดยมีชาวเมียนมาเป็นผู้นำทาง เดินทางไปสนามบินเชียงให่ด้วยรถยนต์ของเพื่อน พร้อมแฟนเพื่อน ทั้งคู่ไม่สวมหน้ากาก จากนั้นนั่งเครื่องบินจากเชียงใหม่ สายการบินไทย ไลอ้อน แอร์ เที่ยวบินเวลา 10.40 น. ถึงดอนเมือง ใช้บริการแท็กซี่ไปสถานีขนส่งหมอชิต จากนั้นนั่งรถตู้ไป BigC ราชบุรี นั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างหน้า BigC ไปตรวจที่รพ.เอกชน

วันที่ 1 ธ.ค. เพื่อนไปที่ร่วมงานเลี้ยงด้วยกัน ผลตรวจพบเชื้อ แพทย์จึงส่งตรวจหาเชื้อ โดยถูกส่งต่อไปยัง รพ.ราชบุรี

วันที่ 2 ธ.ค. ผลตรวจติดเชื้อ

– อีก 2 ราย ที่เชียงใหม่ เป็นหญิงไทย อายุ 23 และ 25 ปี เกิดจาการที่มีข่าวการพบผู้ติดเชื้อในสถานที่ทำงานเดียวกัน ไม่มีอาการ โดยเดินทางเข้าไทยวันที่ 26 พ.ย. และเข้าพักบ้านเพื่อนที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย จากนั้นเดินทางจากอ.แม่สาย กลับมาที่พัก ให้ประงัติว่าอยู่ในที่พัก และทราบข่าวมีเพื่อนติดเชื้อ จึงเข้ารับการตรวจวันที่ 30 พ.ย. ต่อมาวันที่ 1 ธ.ค. ทราบผลว่าติดเชื้อ อยู่ในการดูแลที่รพ.นครพิงค์ จ.เชียงใหม่ และเพื่อนคนที่ 3 ที่เดินทางมาด้วยกันไม่ติดเชื้อ แต่อยู่ในการกักกันโรค ทั้ง 3 รายนี้อยู่ระหว่างเก็บข้อมูลเพิ่มเติม

นพ.โสภณ ปฏิเสธข่าวลือว่ามีผู้ป่วยโควิด-19 มีอาการหนักถึง 5 รายว่า ในขณะนี้เวลานี้ ยังไม่มีผู้ติดเชื้อที่มีมีอาการหนัก เพราะเข้าตรวจวินิจฉัยและรักษาได้เร็ว อีกทั้งยังอยู่ในวัยทำงานแข็งแรง และไม่มีโรคประจำตัว
ด้าน นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีติดเชื้อในประเทศ โดยเป็นการนำเข้ามาจากต่างประเทศ และขอให้ประชาชนมั่นใจระบการควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุข
“มั่นใจว่าไม่เกิดการระบาดเหมือนตอนต้นปี เพราะวันนี้เรามีความพร้อม”

อย่างไรก็ตามขอความร่วมมือในการเฝ้าระวังการเดินทางเข้าประเทศตามแนวชายแดน เพราะขณะนี้พบคนไทยที่ลักลอบเข้ามาดังนั้นเฝ้าระวังไม่ใช่เฉพาะชาวต่างชาติ แต่คนไทยด้วยต้องเฝ้าระวังด้วยว่าเข้ามาถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่และมีการกักกัน 14 วันหรือยัง ทุกคนต้องให้ความร่วมมือ และหากลักลอบเข้ามาจะผิดกฎหมายถึง 3 ฉบับด้วยกัน คือ เข้าเมืองผิดกฎหมาย ผิดพ.ร.บ.โรคติดต่อ และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ

“ขอฝากเพราะนี่คือความรับผิดชอบต่อสังคม และประเทศชาติ” นพ.ธงชัย กล่าว

Back to top button