คัด 4 หุ้นเหล็ก ราคากระฉูดตามตลาดโลก ลุ้นผลงานฟื้นเด่นรับดีมานด์จีนโต!

คัด 4 หุ้นเหล็ก ราคาพุ่งกระฉูดตามตลาดโลก ลุ้นผลงานฟื้นเด่นรับดีมานด์จีนโต!


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการคัดเลือกและรวบรวมบจ.ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับเหล็ก เนื่องจากขณะนี้ราคาเหล็กในประเทศจีนมีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน (Hot Rolled Coil) ซึ่งการปรับตัวขึ้นจะส่งผลให้ผลประกอบการของหุ้นที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับเหล็กปรับตัวขึ้น จากราคาขายที่สูงขึ้น

โดย ล่าสุดราคาเหล็กเส้น ฟิวเจอร์ส สัญญาเดือน พ.ค. 2564 ปิด +128หยวน/ตัน ปิดที่ 4,148หยวน/ตัว ด้านราคาเหล็กรีดร้อน ฟิวเจอร์ส สัญญาเดือน พ.ค. 2564 ปิด +96 หยวน/ตัน ปิดที่ 4,418หยวน/ตัน

ทั้งนี้ หากจำแนกผลิตภัณฑ์เหล็กในไทยตามประเภทของเหล็กกึ่งสำเร็จรูปที่น้ามาใช้เป็นวัตถุดิบ สามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มได้แก่

1) เหล็กทรงยาว (Longproducts) ประกอบด้วย เหล็กแท่งใหญ่และเหล็กแท่งยาวซึ่งเป็นเหล็กกึ่งสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์เหล็กที่ทำจากเหล็กทั้งสองประเภทนี้ เช่น เหล็กเส้น และเหล็กลวด โดยผู้ผลิตเหล็กทรงยาวแบ่งออกเป็นกลุ่มที่มีเตาหลอมและกลุ่มที่ไม่มีเตาหลอม กลุ่มผู้ผลิตเหล็กที่มีเตาหลอมได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์เหล็กทรงยาวส่วนมากถูกใช้ในภาคก่อสร้าง

2) เหล็กทรงแบน (Flat products) ประกอบด้วย เหล็กแท่งแบนซึ่งเป็นเหล็กขั้นกลาง และผลิตภัณฑ์เหล็กที่แปรรูปจากเหล็กแท่งแบน เช่น เหล็กแผ่นรีดร้อนและเหล็กแผ่นรีดเย็นซึ่งอยู่ในรูปของเหล็กแผ่น (Plates) และเหล็กม้วน (Coils) ผลิตภัณฑ์เหล็กทรงแบนส่วนใหญ่ถูกใช้เป็นชิ้นส่วน/ส่วนประกอบของยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และเครื่องจักร

ด้าน บล.คิงส์ฟอร์ด ระบุในบทวิเคราะห์ (16 ธ.ค.2563) โดยมองว่า หุ้นในกลุ่มเหมืองแร่ สินแร่เหล็กปรับขึ้นรับอุปสงค์ความการใช้ของจีน ขณะที่ราคาหุ้นของบจ.ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับเหล็กปรับขึ้นตามราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน (Hot Rolled Coil) โดยราคาล่าสุด ณ วันที่ 16 ธ.ค.อยู่ที่   ปรับตัวขึ้น

ทั้งนี้ “ผู้สื่อข่าว” ได้ทำการคัดเลือกบจ.ที่ดำเนินธุรกิจทั้งเหล็กแท่งที่ส่วนใหญ่ใช้สำหรับการก่อสร้าง และเหล็กแท่งแบน หรือเหล็กแผ่นรีดร้อนและเย็น และราคาหุ้นเริ่มปรับตัวขึ้นมาทั้งหมด 5 บจ.ด้วยกัน ประกอบด้วย

บริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ MILL คือหนึ่งในผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กแบบครบวงจร มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายผ่านการรับรองคุณภาพจากหน่วยงานทั้งในประเทศและนานาชาติ บริษัทฯ มุ่งเน้นการพัฒนาขีดความสามารถในการดำเนินงานเพื่อสร้างคุณค่าแก่กลุ่มธุรกิจ ด้วยกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจหลัก 3 กลุ่ม ได้แก่ 1. กลุ่มธุรกิจวัสดุก่อสร้าง (Construction Material) ด้วยการครอบคลุมทั้งห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ 2. มุ่งเน้นการผลิตเหล็กเกรดพิเศษ(Special Steel) เพื่อขยายตลาดเข้าสู่กลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ 3. การลงทุนในกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้อง (Supporting Core Business) เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัท และตอบสนองความต้องการผู้บริโภคในทุกมิติของธุรกิจ

ด้านราคาหุ้นปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 0.94 บาท ปรับตัวขึ้น 0.04 บาท หรือ 4.44% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 9.14 ล้านบาท

บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TSTH ดำเนินธุรกิจการลงทุน (Holding company) ในบริษัทที่ผลิตและจำหน่ายสินค้าเหล็กเส้น เหล็กลวด และเหล็กรูปพรรณขนาดเล็ก ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง

ด้านราคาหุ้นปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 0.67 บาท ปรับตัวขึ้น 0.05 บาท หรือ 8.06% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 28.06 ล้านบาท

บริษัท สามชัย สตีล อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ SAM ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายท่อเหล็ก เพื่อใช้งานในอุตสาหกรรมก่อสร้างและอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ โดยแบ่งลักษณะออกเป็น 4 ประเภทหลัก คือ ท่อเหล็กดำ ท่อเหล็กชุบสังกะสี เหล็กโครงสร้าง ท่อเหล็กเฟอร์นิเจอร์ เหล็กแผ่นดำ

ด้านราคาหุ้นปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 0.54 บาท ปรับตัวขึ้น 0.06 บาท หรือ 12.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 9.46 ล้านบาท

บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายเหล็กแท่งยาว (Steel Billet) ให้แก่โรงรีดเหล็กภายในประเทศและต่างประเทศ เพื่อนำไปผลิตต่อด้วยการรีดเป็นผลิตภัณฑ์เหล็กทรงยาว (Long Products) ได้แก่ เหล็กเส้นกลม เหล็กข้ออ้อย และเหล็กลวด เป็นต้น โดยใช้เศษเหล็ก (Scrap) เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตเหล็กแท่งยาว และใช้เทคโนโลยีการหลอมเหล็กด้วยเตาหลอมเหล็กแบบเหนี่ยวนำกระแสไฟฟ้า (Electric Induction Furnace: EIF)

ด้านราคาหุ้นปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 1.99 บาท ทรงตัวจากวันก่อนหน้า ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 0.13 ล้านบาท

ทั้งนี้คาดการ์ณว่าราคาหุ้นบจ.เหล่านี้จะปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขานรับราคาเหล็กที่ได้แรงหนุนจากข้อมูลผลผลิตโรงงานที่แข็งแกร่งของประเทศจีน ซึ่งประเทศไทยนำเข้าเหล็กจากประเทศจีนสูงที่สุด โดยมองว่าปี 2563 เหมือนจะเป็นปีที่ทำให้ผู้ประกอบการในแวดวงอุตสาหกรรมเหล็กเริ่มฟื้นตัวจากภาพรวมของราคาเหล็กในตลาดโลกเริ่มขยับราคาสูงขึ้น และมีสัญญาณบวกต่อไปถึงต้นปี 2564

*อนึ่งข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

 

Back to top button