โบรกฯคัด 6 หุ้นหลุมหลบภัย! เน้นธีม Defensive รับมือ “โควิด” ระบาดรอบใหม่

โบรกฯคัด 6 หุ้นหลุมหลบภัย! เน้นธีม Defensive รับมือ "โควิด" ระบาดรอบใหม่


นักวิเคราะห์มองว่า ทิศทาง SET Index จะยังแกว่งตัวผันผวนและเผชิญความเสี่ยงหลุดแนวรับสำคัญบริเวณ 1,390-1,400 จุดจากความกังวลเรื่องการระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่โดยเฉพาะในประเทศที่กลับมาพุ่งขึ้นอีกครั้งและเริ่มกระจายไปยังจังหวัดต่างๆนอกเหนือจากสมุทรสาครซึ่งเป็นจุดหลัก โดยต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้าโดยเฉพาะความเสี่ยง Lockdown เพิ่มเติมในอนาคต

จากสถานการณ์ปัจจัยดังกล่าว ทีมข่าว “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงทำการสำรวจกลุ่มหุ้นน่าลงทุน และรับมือกับภาวะตลาดผันผวนจากการระบาด COVID-19 ระลอกใหม่ได้โดยครั้งนี้เน้นไปที่กลุ่มหุ้นปลอดภัย หรือ Defensive Stock เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ทนทานต่อสภาวะตลาดในทุกสภาพ และเป็นหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง ความเสี่ยงต่ำ จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ อาทิ กลุ่มสื่อสาร พลังงานทดแทน สาธารณูปโภค และอาหาร ซึ่งโบรกเกอร์ชั้นนำของไทยนำโดย บล.กรุงศรี,บล.ฟินันเซีย ไซรัส,บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส และ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน ระบุไว้ดังนี้

บล.กรุงศรี ระบุว่า คาด SET อ่อนตัวสู่แนว GAP 1,390 จุด ตามสถานการณ์การแพร่ระบาด Covid-19ในไทย รวมถึงการกลายพันธุ์ของ Covid-19 ในอังกฤษที่สามารถแพร่เชื้อได้เร็วกว่าเดิม 70% ซึ่งจะส่งผลเชิงลบต่อภาพรวมเศรษฐกิจและความมั่นใจของนักลงทุน นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงจะลบต่อทิศทางดัชนีอีกด้วย กลยุทธ์การลงทุน: แนะนำกลุ่ม  Defensive stock  อาทิ INTUCH ADVANC 

 

บล.ฟินันเซีย ไซรัส  ระบุว่า SET Index จะยังแกว่งตัวผันผวนและเผชิญความเสี่ยงหลุดแนวรับสำคัญบริเวณ 1,390-1,400 จุดจากความกังวลเรื่องการระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่โดยเฉพาะในประเทศที่กลับมาพุ่งขึ้นอีกครั้งและเริ่มกระจายไปยังจังหวัดต่างๆนอกเหนือจากสมุทรสาครซึ่งเป็นจุดหลัก

โดยต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้าโดยเฉพาะความเสี่ยง Lockdown เพิ่มเติมในอนาคต เช่นเดียวกับสถานการณ์ทั่วโลก ส่งผลให้ราคาสินค้า Commodity อ่อนตัวระยะสั้น

อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวระบุว่าวัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบันคาดว่าสามารถป้องกันเชื้อกลายพันธุ์ตัวใหม่ได้ ทำให้คาดสถานการณ์จะไม่กลับไปแย่เท่ากับการระบาดรอบแรก จึงประเมินกรอบ SET Index บริเวณ 1,350-1,400 จุด เป็นโอกาสในการเข้าสะสมหุ้นพื้นฐานอีกครั้ง ระยะสั้นกลุ่ม Defensive และเทคโนโลยีคาดแกว่งตัวได้แข็งแรงกว่าตลาด

 

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุว่า SET มีโอกาสปรับลง ผู้ติดเชื้อสมุทรสาคร-จังหวัดใกล้เคียงหนัก แต่บรรลุมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐช่วยชดเชย  ปัจจัยลบคือ ไทยควรติดตามสถานการณ์ติดเชื้อที่จ.สมุทรสาคร ว่าจะลุกลามหรือไม่ หลังช่วงวันหยุดมีผู้ติดเชื้อเพิ่มจำนวนมาก การค้นหาเชิงรุกเพิ่มเป็น 1,000 ราย ต้นตอมาจากตลาดกลางกุ้ง ส่วนใหญ่คือ แรงงานต่างชาติ

สำหรับกลยุทธ์ระยะสั้นปัจจัยที่ควรพิจารณาคือ หุ้นธีมโควิด-19 ถุงมือยาง STGT, ยางพารา STA, NER พวก Defensive เช่น บรรจุภัณฑ์ SCGP, PTL, UTP และอาหาร เช่น CPF

 

บล.ยูโอบี เคย์เฮียน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ตลาดต่างประเทศมีแนวโน้มผันผวนจากประเด็นการกลายพันธ์ของไวรัส หลังปรับลงมีแรงซื้อกลับในสินทรัพย์เสี่ยงประเภท หุ้น ค่าเงิน รวมถึงสินค้าโภคภัณฑ์อื่น เช่น น้ำมัน ทองแดง ขณะที่ ดัชนีชี้วัดความเสี่ยง เช่น เงินเหรียญสหรัฐฯ และ VIX index ปรับตัวลดลง สะท้อนจิตวิทยาการลงทุนในตลาดโลกที่เป็นบวกมากหลังนักลงทุนในตลาดคลายกังวลเรื่องสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่ประเทศอังกฤษลงบางส่วน หลังจากที่ ผู้เชี่ยวชาญชี้การกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสเป็นเรื่องปกติและเชื่อว่าจะมีผลกระทบต่อประสิทธิภาพวัคซีนในอัตราที่ต่ำ

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง มาตรการปิดเมืองที่ถูกนำกลับมาใช้ในหลายประเทศ รวมถึง อัตราการแพร่ระบาดที่เร็วขึ้นจากการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่มีน้ำหนักในระยะสั้น-กลาง. แม้ว่าในหลายกลุ่มประเทศ อาทิ สหรัฐ อังกฤษ และยุโรป จะเริ่มนำวัคซีนมาแจกจ่ายให้กับประชาชนในวงกว้างมากขึ้นแต่กว่าที่วัคซีนจะเริ่มเห็นผลหรือสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้อาจต้องรอจนถึงช่วงครึ่งหลังปี 2564 เป็นอย่างน้อย ดังนั้น แม้ทิศทางหลักของตลาดจะยังคงเป็นภาพของการแกว่งขึ้น (sideway-up) แต่เราจะพบการปรับฐานเป็นระยะ

ความกังวลความเสี่ยงล็อคดาวน์เพิ่มยังกดดัน แต่มอง SET index โซน 1,400-1,350 เป็นจุดทยอยเพิ่มน้ำหนักการลงทุน. นายกรัฐมนตรีขอเวลา 7 วัน ในการพิจารณาว่าจะกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์ประเทศหรือไม่หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-149ยังพุ่งขึ้นไม่หยุด

โดยล่าสุด ศบค.รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก 382 ราย และยังรอผลอีกกว่า 2,600 ราย ซึ่งหากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นและนำไปสู่การล็อกดาวน์ประเทศอีกครั้งจะเป็นความเสี่ยงต่อตัวเลขเศรษฐกิจรวมถึงกำไรบริษัทจดทะเบียน แต่จะเป็นโอกาสเพิ่มน้ำหนักการลงทุนหุ้นในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศที่ต่ำ ได้แก่ หุ้นโภคภัณฑ์ (ปิโตรเคมี พลังงาน) เนื่องจากอิงความต้องการต่างประเทศเป็นหลัก และหุ้นปลอดภัย (สื่อสาร พลังงานทดแทน สาธารณูปโภค)

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button