สังคมข่าวหุ้น

*ดัชนีตลาดหุ้นพุ่ง 35.50 จุด ปิด 1,451.52 จุด เปลี่ยนแปลง +2.51% มูลค่าการซื้อขายกว่า 103,386 ล้านบาท เหตุคลายกังวลหลังไม่มีล็อกดาวน์ทั่วประเทศ แต่มีเพียงคุมเข้มบางพื้นที่เท่านั้น ส่งผลกับหุ้นที่คาดกันว่าจะได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์พากันดีดกลับ เช่น CRC ICHI HMPRO CPN ส่วนกลุ่มธนาคารก็ดีดกลับเช่นกัน นำโดยแบงก์ใหญ่ BBL KBANK SCB และ KTB เพราะหากล็อกดาวน์ไปทั้งประเทศ จะเกิดหนี้เสียตามมาอีกแน่ ๆ


คาเฟอีน

*ดัชนีตลาดหุ้นพุ่ง 35.50 จุด ปิด 1,451.52 จุด เปลี่ยนแปลง +2.51% มูลค่าการซื้อขายกว่า 103,386 ล้านบาท เหตุคลายกังวลหลังไม่มีล็อกดาวน์ทั่วประเทศ แต่มีเพียงคุมเข้มบางพื้นที่เท่านั้น ส่งผลกับหุ้นที่คาดกันว่าจะได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์พากันดีดกลับ เช่น CRC ICHI HMPRO CPN ส่วนกลุ่มธนาคารก็ดีดกลับเช่นกัน นำโดยแบงก์ใหญ่ BBL KBANK SCB และ KTB เพราะหากล็อกดาวน์ไปทั้งประเทศ จะเกิดหนี้เสียตามมาอีกแน่ ๆ

*การแก้ปัญหาด้วยการ ไม่นำระบบ “สาธารณสุข” มานำ “เศรษฐกิจ” ถือว่าเป็นแนวทางที่ถูกต้องแล้ว เพราะทางสหรัฐฯ และยุโรป ก็ใช้วิธีการแบบนี้ ไม่อย่างนั้นแล้วหากเศรษฐกิจแย่หรือพัง ระบบสาธารณสุขก็จะพังไปด้วย จึงต้องค่อย ๆ ประคองกันไป ให้เศรษฐกิจนำไปนั่นแหละ และหากยังมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ก็ควรยังต้องยึดแนวทางเดิมคือ ใช้เศรษฐกิจนำสาธารณสุขต่อไป เพราะจะเห็นว่าแนวทางนี้นักลงทุน ประชาชน ภาคธุรกิจตอบรับมากกว่า

*หุ้น บมจ.เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) หรือ KEX ปิดเทรดวันแรกที่ 51.25 บาท เพิ่มขึ้น 23.25 บาท (+83.04%) จากราคาขาย IPO ที่ 28 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 25,271.91 ล้านบาท เปิดตลาด (ภาคเช้า) ที่ 65.00 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุด 73.00 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 46.00 บาท ส่วน บล.บัวหลวง ให้ราคาเป้าหมาย  37.00 บาท สรุป !!!! นักลงทุนคนไหนเข้าไปตอนเปิดตลาด หรือช่วงที่ราคาขึ้นไปสูงสุด “ติดดอย” กันทุกคน คงต้องซื้อถัวเฉลี่ยหน้ามืดกันไป หรือไม่ก็ต้องยอม “ตัดขาดทุน

*วันนี้ บมจ.ไซมิส แอสเสท หรือ SA เข้าซื้อขายใน SET กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดธุรกิจ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 150,000,000 หุ้น ที่ราคาหุ้นละ 5.50 บาท ล่าสุดแจ้งผลประกอบการไตรมาส 3/2563 กำไรสุทธิ 191.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรเพียง 8.9 ล้านบาท และหากย้อนหลังไป 4 ปี ศักยภาพของ SA กำไรเติบโตทุบสถิติสูงสุดใหม่มาโดยตลอด และจะเห็นการเติบโตต่อเนื่องในปี 63 ส่วนตัวเลข D/E จะลดลงเหลือ 1.5 เท่า หลังเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ

*DELTA บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) ราคาร้อนแรงเกินไปแล้ว พุ่ง 116.00 บาท ปิด 536.00 บาท เปลี่ยนแปลง +27.62% เกือบชนซิลลิ่งที่ราคา 546 บาท  พี/อี ณ ราคาปิดวานนี้ 113 เท่า !!!!! แม้ราคาหุ้นจะขึ้นมาร้อนแรง แต่ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ บอกว่ายังไม่พบความผิดปกติของหุ้น DELTA นะ แต่ก็มีข้อสังเกตว่าราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นมาเป็น 500 บาท มีไม้ที่เข้าซื้อขายในระดับ 1 พันหุ้น ไปจนถึงหลายพันหุ้นหลายไม้ และมีอีกหลายไม้ที่ส่งคำสั่งซื้อขายระดับหลักหมื่นหุ้น นั่นคือ ต้องใช้เงินหลายล้านบาทในการซื้อขาย ส่วนราคาปิดวานนี้ที่ 536.00 บาท มีไม้ใหญ่เข้ามารับถึง 3.45 แสนหุ้น คิดเป็นเงิน 184.9 ล้านบาท

*สนามจำนำทะเบียนรถเดือดแน่นอน ล่าสุด BAY แจ้งว่า บมจ.เงินติดล้อ (NTL) ที่เป็นกิจการร่วมค้าของธนาคาร และ Siam Asia Credit Access Pte Ltd (SACA) ถือหุ้นฝ่ายละ 50% ยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงาน ก.ล.ต.แล้ว เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยการเสนอขายหุ้น IPO ไม่เกิน 1,043,542,800 หุ้น พาร์หุ้นละ 3.70 บาท มีบล.ภัทรเกียรตินาคิน เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน สำหรับมูลค่าตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนรถล่าสุด อยู่ที่ 4 แสนล้านบาท มี MTC เป็นผู้นำ ตามมาด้วย SAWAD และเงินติดล้อ ทั้ง 3 ค่ายนี้ มีส่วนแบ่งตลาดรวมกันมากกว่า 60-70%

Back to top button