รัฐทุนต่ำรุกคุกคาม

ตำรวจ 300 นายใช้กำลังขัดขวางจับกุมอุ้มการ์ดราษฎร ทำกิจกรรมเขียนป้ายผ้า “ยกเลิก 112” 112 เมตร ที่อนุสาวรีย์ชัย ทั้งยังคุมตัว “นักเรียนเลว” ทำกิจกรรมมอบไม้เรียวคืนครู ที่หน้ากระทรวงศึกษา จนเกิดการประท้วงตำรวจที่สามย่านมิตรทาวน์ มีมือมืดขว้างระเบิดปิงปอง บาดเจ็บเล็กน้อย 4 คนทั้งตำรวจและนักข่าว เช้าวันอาทิตย์ ก็มีการรวมตัวทวงเพื่อนที่ถูกอุ้มหาย จนใครไม่รู้เอาไปปล่อยที่บางปู


ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง

ตำรวจ 300 นายใช้กำลังขัดขวางจับกุมอุ้มการ์ดราษฎร ทำกิจกรรมเขียนป้ายผ้า “ยกเลิก 112” 112 เมตร ที่อนุสาวรีย์ชัย ทั้งยังคุมตัว “นักเรียนเลว” ทำกิจกรรมมอบไม้เรียวคืนครู ที่หน้ากระทรวงศึกษา จนเกิดการประท้วงตำรวจที่สามย่านมิตรทาวน์ มีมือมืดขว้างระเบิดปิงปอง บาดเจ็บเล็กน้อย 4 คนทั้งตำรวจและนักข่าว เช้าวันอาทิตย์ ก็มีการรวมตัวทวงเพื่อนที่ถูกอุ้มหาย จนใครไม่รู้เอาไปปล่อยที่บางปู

พวกที่อยู่ตรงข้ามม็อบหรืออยู่ห่าง ๆ คงตำหนิว่าประเทศกำลังเผชิญภัยโควิด ไปหาเรื่องท้าทายรัฐบาลทำไม โดยไม่ดูความจริงด้านตรงข้าม ว่าตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ตำรวจเร่งรัดออกหมายเรียกหมายจับ กระทรวงดิจิทัลก็เร่งแจ้งความ รัฐบาลไม่ได้พักรบระหว่างโควิด กลับคิดฉวยโอกาสระหว่างประกาศฉุกเฉินห้ามชุมนุมรวมตัว มาเร่งจัดการม็อบด้วยซ้ำ

มาตรการใช้ 112 ก็เร่งถี่ยิบ และยกระดับ กระทั่งบุกจับนักศึกษาธรรมศาสตร์ยามวิกาล จากก่อนนั้นเพียงออกหมายเรียกแกนนำ

เรื่องน่าขันคือ ตำรวจใช้กำลังแบบ “ขี่ช้าง” ใช้อำนาจเกินกฎหมาย เช่นใช้คอมมานโดบุกจับ WeVo ขายกุ้งสนามหลวง โดยอ้างว่าห้ามรวมตัวช่วงโควิดระบาด ทั้งที่สังคมกำลังไม่พอใจว่า โควิดระบาดเพราะตำรวจหย่อนยาน รับส่วยบ่อนพนัน รีดไถแรงงานเถื่อน

ตำรวจยังมีกำลังเหลือเฟือมาไล่จับคนทำกิจกรรมการเมือง ซึ่งไม่ใช่ความผิดร้ายแรง เช่นการเขียนป้ายผ้าเรียกร้องให้แก้ไขยกเลิกกฎหมาย เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ เอาผิดไม่ได้ ก็ไพล่ไปอ้างฉุกเฉินห้ามรวมตัว ทั้งที่ไม่ใช่ม็อบไม่แออัด ตำรวจต่างหากมาทำให้ชุลมุน

ที่จริงตำรวจอยู่เฉย ๆ ก็ได้ ปล่อยเขาทำไปก็ไม่มีอะไรบานปลาย แต่ตำรวจอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ เพราะนายกดดันลงมาเป็นชั้น ๆ

ตำรวจก็เลยหน้าชา เมื่อจับม็อบแล้วโดนเปิดเพลงมาร์ชตำรวจเย้ยหยัน เกียรติตำรวจของไทย ยกกำลังมากมายมาจับเด็ก บ่อนอยู่ตรงไหนรู้หรือยัง

นี่ยังไม่พูดถึงการใช้อำนาจเกินกว่าเหตุ เช่น จับโดยไม่แจ้งสิทธิ ตรวจค้นโดยไม่มีทนาย คุมตัวไป ตชด.ภาค 1 ทั้งที่ไม่มีอำนาจ หรือออกหมายมั่ว เพื่อนนักศึกษากลับบ้านหาดใหญ่ถูกระบุชื่อเป็นผู้ร่วมทำความผิด

โควิดรอบนี้ต่างจากรอบแรก ที่ความเชื่อมั่นในรัฐบาลต่ำติดดิน ตั้งแต่การระบาดในบ่อนในแรงงานผิดกฎหมาย มาจนบริหารจัดการสับสน ไม่มีการเยียวยาตรงจุด มีแต่แจกเงิน โดยหวังว่าจะได้คะแนนนิยม

การจัดหาวัคซีน การกำหนดกฎเกณฑ์ว่าใครจะได้ฉีดก่อนหลัง ก็เกิดความไม่เชื่อถือ จนกระทั่ง อปท.ใหญ่อย่างเทศบาลที่มีเงินสะสม ประกาศจะจัดซื้อแจกประชาชนของตนเอง

ซึ่งผิดหลักการโดยสิ้นเชิง นี่ไม่ใช่เรื่องกระจายอำนาจ ไม่ใช่น้ำท่วมภัยแล้งเฉพาะจุด แต่เป็นภัยพิบัติร่วมกันทั้งประเทศ เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องจัดหาจัดสรรวัคซีนแล้วฉีดตามลำดับกลุ่มเสี่ยง ไม่ใช่ให้เทศบาลแข่งกันซื้อแบบตัวใครตัวมัน มือใครยาวสาวได้สาวเอา ฉีดประชาชนของตัวเองก่อน แล้ว อบต.ยากจนทำตาปริบ ๆ

ยิ่งกว่านั้นยังเป็นไปไม่ได้ ไม่มีประเทศไหนทำ อเมริกาที่ปกครองในระบอบสหพันธรัฐก็ยังไม่แยกกันซื้อ แบบรัฐเท็กซัสรัฐแคลิฟอร์เนียตัวใครตัวมัน

แต่นายกรัฐมนตรีไทย แทนที่จะตระหนักเป็นหน้าที่ กลับบอกว่าถ้า อปท.จะซื้อเองก็ไม่ขัด

ความไม่เชื่อมั่นรัฐบาล กำลังประดังทุกด้าน รวมทั้งเศรษฐกิจหลังโควิดรอบสอง ซึ่งไม่น่าจะดีอย่างที่คาดหวัง แต่น่าจะผันผวนปั่นป่วนอย่างมาก เพราะเงินเก็งกำไรล้นตลาด แต่เศรษฐกิจจริงพังเป็นกระบิ ๆ ดีเฉพาะบางภาค

ภาวะอย่างนี้ อำนาจรัฐกลับคิดฉวยโอกาสสยบม็อบ ทั้งที่สยบไม่ได้ ได้แต่ยั่วยุ ขณะที่สถานการณ์โควิดจะสั่งสมความไม่พอใจใหม่ ๆ ให้ปะทุขึ้นมาอีก

Back to top button