“ศักดิ์สยาม” สั่งเดินเครื่อง พัฒนาขนส่งสาธารณะเป็น EV แนะรัฐคลอดมาตรการหนุน

“ศักดิ์สยาม” สั่งเดินเครื่อง พัฒนาขนส่งสาธารณะเป็น EV แนะรัฐคลอดมาตรการหนุน


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เป็นประธานการประชุมการพัฒนายานยนต์ด้วยพลังงานไฟฟ้า โดย สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้ศึกษาและจัดลำดับความสำคัญของประเภทยานพาหนะ โดยใช้มูลค่าผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์ พบว่า รถบรรทุกและรถโดยสารขนาดใหญ่ มีมูลค่าผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์ที่สูงที่สุด

ดังนั้น เมื่อพิจารณาข้อจำกัดต่าง ๆ ในการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า ประกอบด้วย ระยะทางเดินรถ น้ำหนักและแบตเตอรี่ รวมทั้งความเหมาะสมในการใช้งาน ในเบื้องต้น พบว่า รถโดยสารระหว่างเมืองระยะทางวิ่งประมาณ 200-250 กม./เที่ยว และรถโดยสารสาธารณะในเมืองมีความเป็นไปได้ในการพัฒนาเป็นยานยนต์ไฟฟ้าเป็นลำดับแรก และควรมีมาตรการผลักดันและช่วยเหลือจากภาครัฐตามแผนพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะด้วยเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งประกอบด้วย

1) การส่งเสริมการลงทุนให้ผู้ประกอบการแบตเตอรี่ ผลิตชิ้นส่วน และประกอบรถโดยสารไฟฟ้าผ่านคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)

2) ยกเว้นภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิตของเซลล์แบตเตอรี่ ให้ผู้ประกอบการผลิตแบตเตอรี่ที่ได้รับการส่งเสริมผ่านคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)

3) กำหนดอัตราค่าไฟฟ้าคงที่สำหรับรถโดยสารไฟฟ้า

4) การสนับสนุนการลงทุนจัดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าให้ผู้ประกอบการตามสัดส่วนมูลค่าการลงทุนสถานีอัดประจุไฟฟ้าที่เหมาะสม

5) การเตรียมความพร้อมด้านมาตรฐาน กฎ ระเบียบ

รมว.คมนาคม ได้รับทราบการนำเสนอการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า ทั้งทางถนน ทางราง และทางน้ำ โดยมีข้อสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้

1.ให้กรมการขนส่งทางบก เร่งรัดดำเนินการเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนวิธีการคิดอัตราภาษีรถยนต์ โดยส่งเสริมเพื่อสร้างแรงจูงใจให้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า เช่น กำหนดอัตราภาษีให้เหมาะสมตามปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และขนาดของเครื่องยนต์ (cc) 2. ยกเว้นภาษีประจำปี 3-5 ปีแรก สำหรับรถไฟฟ้า (BEV)

2.ให้กรมเจ้าท่า พัฒนาและส่งเสริมการใช้เรือไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง โดยให้ครอบคลุมทั้งมิติการขนส่งมวลชนและการท่องเที่ยว ตลอดจนบูรณาการความร่วมมือและขับเคลื่อนไปพร้อมกับภาคเอกชน เพื่อให้เกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งศึกษาและรวบรวมข้อกฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความถูกต้อง ตามหลักธรรมาภิบาล

3.ให้กรมการขนส่งทางราง และ รฟท. เร่งรัดดำเนินการในการนำระบบ EV พลังงาน Battery on Train มาใช้กับรถไฟไทย รวมทั้งศึกษาและรวบรวมข้อกฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความถูกต้อง ตามหลักธรรมาภิบาล

4.ให้สนข. ประสานและบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพลังงาน ในการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า โดยเบื้องต้นให้ประสานกระทรวงพลังงาน ในการเตรียมความพร้อมและสำรวจปริมาณความต้องการในการใช้พลังงานไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ เพื่อรองรับการใช้พลังงานไฟฟ้าให้เพียงพอต่อการใช้งานของยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต

ทั้งนี้ หน่วยงานของภาครัฐควรมีการบูรณาการเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนและพัฒนายานยนต์ด้วยพลังงานไฟฟ้า เพื่อให้มีการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลดีต่อการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ รวมทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย

Back to top button