“ผอ.ช่อง 5” โว “โซลาร์ทัพบก” 3 หมื่นเมกฯ ดันดัชนีพุ่ง 2,000 จุดแน่นอน!

“ผอ.ช่อง 5” โว “โซลาร์ทัพบก” 3 หมื่นเมกฯ ดึงดูดนักลงทุน ดันตลาดหุ้นสร้างประวัติศาสตร์ ดัชนีทะลุ 2,000 จุดแน่นอน!


พลโทรังษี กิติญาณทรัพย์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ในฐานะตัวแทนกองทัพบก (ทบ.) เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” ทางข่าวหุ้นทีวีออนไลน์และสถานีวิทยุ FM 102 MHz เกี่ยวกับโครงการเมกะโปรเจกต์โซลาร์ฟาร์ม กำลังผลิต 3 หมื่นเมกะวัตต์ (โซลาร์กองทัพบก) โดยใช้พื้นที่ในการดูแลของกองทัพบกทั่วประเทศ จำนวน 4.5 ล้านไร่ ว่าปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการศึกษาความเป็นไปได้ ระหว่างกองทัพบกและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ว่าควรจะมีโซลาร์ฟาร์มในจังหวัดไหนบ้างเพื่อที่จะให้การจ่ายไฟมีความเสถียรและครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งคาดว่าผลการศึกษาจะแล้วเสร็จภายในปลายเดือนมีนาคมนี้ เนื่องจากข้อมูลเรื่องที่ดินและการวางแผนด้านยุทธศาสตร์ของ กฟผ. มีความพร้อมอยู่แล้ว แต่ต้องตรวจสอบรายละเอียดเพื่อไม่ให้มีความผิดพลาด

สำหรับวัตถุประสงค์ของโครงการนี้ พล.ท.รังษี กล่าวว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีโซลาร์ฟาร์มมีความพร้อมที่จะทำในเชิงพาณิชย์ มีราคาถูกกว่าการใช้ฟอสซิล ถ่านหิน หรือก๊าซ ซึ่งถ้าต้นทุนการผลิตของไฟฟ้าเราต่ำลง ก็จะทำให้ต้นทุนการผลิตทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม ภาคครัวเรือน ภาคขนส่งลดลงตามไปด้วย จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในเชิงธุรกิจ ที่สำคัญประเทศไทยเราแสงแดดอยู่ในโซน A พื้นที่มีมากพอที่จะทำโซลาร์ฟาร์ม เทคโนโลยีเครื่องไม้เครื่องมือวันนี้มีความพร้อมและถูกมาก

“ผมได้ข่าวล่าสุดคือเมกฯนึงประมาณแค่ 15 ล้านบาท สำหรับในส่วนของเครื่องไม้เครื่องมือในการทำโซลาร์ฟาร์มนะครับ ซึ่งจากเดิมอยู่ที่ 60-80 ล้านบาท”

พล.ท.รังษี กล่าวต่อว่า ที่สำคัญ ประเทศไทยมีแร่ควอตซ์จำนวนมหาศาลอยู่ที่ จ.กาญจนบุรี ซึ่งแร่ควอตซ์จะมีการนำมาแปรรูปเป็นธาตุซิลิคอนสำหรับทำแผงโซลาร์ ซึ่งถ้าเราทำควบคู่กันไปจะทำให้ประเทศไทยเป็นฮับ (Hub) ในการเป็นโรงงานผลิตแผงโซลาร์ซึ่งขายได้ทั่วโลก นำรายได้มหาศาลเข้าประเทศไทย และหากเราทำสำเร็จคาดว่าจะทำให้หลุดพ้นจากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจรอบนี้ เศรษฐกิจจะโต จีดีพีอาจพุ่งถึง 8 หรือ 10

โดยจาการสำรวจแร่ควอตซ์ในประเทศมากว่า 10 ปีแล้ว พิสูจน์ได้ว่าคุณภาพของแร่ควอตซ์นำมาทำแผงโซลาร์ได้ อยู่ที่บริเวณกาญจนบุรีซึ่งอยู่ในเขตของทหาร และหากทำสำเร็จ จากการคำนวณสายแร่มาจากจังหวัดราชบุรี จากอำเภอสวนผึ้ง มาถึง อ.บ่อพลอย กาญจนบุรี เราสามารถผลิตแผงโซลาร์ได้ประมาณ 5 แสนเมกะวัตต์ ซึ่งทำให้เราสามารถขายได้ทั่วโลก ซึ่งจะนำรายได้มาให้กับประเทศไทยมหาศาล

                    “ประเทศไทยเราที่มีหนี้ครัวเรือนสาธารณะอาจจะหายไปหมด อีกอันนึงถ้าโครงการนี้สำหรับบริษัทเอกชนที่ได้รับสัมปทานร่วมลงทุนโซลาร์ฟาร์ม หุ้นไทยจะทะลุ 2 พันจุดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ สำหรับนักลงทุนที่ไม่มีความสามรถที่จะมาลงทุนในโซลาร์ฟาร์มก็สามารถที่จะซื้อหุ้น ลงทุนกับบริษัทที่ได้รับสัมปทานได้” พล.ท.รังษี กล่าว

นอกจากนี้ กองทัพบก ยังมีการนัดหมายว่าจะเซ็นบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ ปตท. ร่วมกันพัฒนาแบตเตอรี่สำรอง ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญ เพราะเราสามารถใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในเวลากลางวันชาร์จแบตเตอรี่สำรอง พอถึงกลางคืนก็ใช้ไฟจากแบตเตอรี่สำรองที่เราชาร์ตเอาไว้ ที่สำคัญมันจะขยายผลไปถึงการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยลดการขาดดุลได้จำนวนมาก เพราะประเทศไทยทุกวันนี้ เรานำก๊าซถ่านหินและน้ำมัน ขาดดุลปีนึงไม่ต่ำกว่า 8 แสนล้านบาท จะเห็นว่าแผนที่จะทำโรงงานผลิตพลังงานทดแทน เรามีปัจจัยองค์ประกอบครบทั้งหมดในการทำโซลาร์ฟาร์ม ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบที่จะนำมาทำแผงโซลาร์ ไม่ว่าจะเป็นเมกะโซลาร์ที่เรากำลังจะทำทั่วประเทศกว่า 3 หมื่นเมกะวัตต์ รวมทั้งแบตเตอรี่สำรองซึ่งพัฒนาคาดว่าจะเสร็จพร้อมกันหมดเพื่อที่จะเดินหน้าดึงเศรษฐกิจที่ถดถอยให้กลับมายืนได้ สู้กับประเทศคู่แข่งได้”

ทั้งนี้ พล.ท.รังษี ยังชี้แจงในส่วนของเม็ดเงินลงทุน 600,000 ล้านบาท ว่าโครงการโซลาร์ฟาร์มที่วางแผน แบ่งเป็น 3.5 แสนล้านบาท เป็นการซื้ออุปกรณ์โซลาร์จากจีน โดยจะนำสินค้าเกษตรของไทย อาทิ ข้าว ยาง มันสำปะหลัง หรือผลไม้ขึ้นชื่อของไทย อย่าง ลำไย ทุเรียน ไปแลกเปลี่ยนในรูปแบบ G2G ทำให้เกษตรกรสามารถขายสินค้าเกษตรได้ทางนึง อีกทั้งยังเป็นการป้องกันเรื่องการคอร์รัปชั่น เนื่องจากโครงการใหญ่ๆแบบนี้ สิ่งที่ต้องระวัง คือเรื่องความโปร่งใส เพราะฉะนั้นทุกอย่างใน TOR จะต้องตอบโจทย์สังคมได้

ส่วนอีก 2.5 แสนล้านบาท ใช้ในการจ้างแรงงานในพื้นที่และวัสดุก่อสร้างต่างๆ เพราะฉะนั้นเงิน 6 แสนล้านที่ลงทุน ในภาคเอกชนหรือสถาบันการเงินปล่อยกู้จะไม่หายไปไหน แต่จะหมุนเวียนในประเทศ และหมุนเวียนในวงกว้าง ยังไม่รวมถึงความเชื่อมั่นของคนเล่นหุ้นว่าถ้าเกิดเรามีองคาพยพพร้อม คือแบตเตอรี่ ซึ่งปตท.ดำเนินการพัฒนาไปได้ระดับหนึ่ง ในการที่จะทำเหมืองแร่ควอตซ์แล้วมาเป็นโรงงานผลิตโซลาร์ เชื่อว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเชื่อมั่นและจะทำให้นักลงทุนสนใจที่จะมาลงทุน เพราะการผลิตพลังงานไฟฟ้าทดแทนเรียกได้ว่าเป็นธุรกิจที่เป็นเทรนด์ของโลก

“ผมขอยืนยันนะครับว่าโครงการนี้จะทำให้ประเทศเราหลุดพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจ ประเทศได้ประโยชน์ ประชาชน 68 ล้านคนได้ประโยชน์ทั่วถึง เพราะว่าได้ใช้ไฟถูกลง และจะเป็นโครงการพลังงานทดแทนโครงการแรกที่รัฐบาลไม่ต้องอุดหนุน” พล.ท.รังษี ระบุ

Back to top button