9 บจ.ได้ไปต่อหลัง SET ผ่านการปรับฐานแผนกระตุ้นศก.เพิ่มอัพไซด์ ขึ้นแตะ 1,486

โบรกฯมอง ดัชนีตลาดหุ้นไทยน่ามีโอกาสขึ้นไปแตะ 1,436-1,486 จุด หลังมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจผลักดัน การลงทุนแนะนำรายหุ้น โดยเฉพาะกลุ่ม Domestic Play ขณะที่Top picks ยังเลือก SCC, KBANK และ TCAP


บล.เอซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (11 ก.ย.) ว่า ภาครัฐเตรียมอัดฉีดเงินเข้าระบบภายในเดือนนี้ โดยจะใช้โอกาสของการเปิดตัวยุทธศาสตร์สานพลังประชารัฐ เพื่อเศรษฐกิจรากฐานในวันที่ 20 ก.ย. ที่อิมแพ็ค เมืองทอง เป็นจุดเริ่มต้น ซึ่งน่าจะหนุนให้เม็ดเงินไหลเข้าสู่ระบบในเดือน ต.ค. เป็นต้นไป จึงเป็นไปได้ที่ GDP Growth ในไตรมาส 4/58 จะฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญจากไตรมาส 3/58  และเชื่อว่าจะกระเตื้องขึ้นต่อเนื่องในปี 2559

 

ล่าสุดทีมวิเคราะห์เศรษฐกิจของ ASPS ได้ทำการปรับเพิ่ม GDP Growth ในปี 2558 จากเดิมที่ประเมินไว้ 2.5% เล็กน้อย ขึ้นมาอยู่ที่ 2.7% โดยคาดว่าในไตรมาส 4/58 GDP Growth จะอยู่ 2.6% ฟื้นตัวจาก 2.3% ในไตรมาส 3/58 และในปี 2559 คาดว่าจะอยู่ที่ 3.8% โดยปัจจัยขับเคลื่อนมาจากภาคครัวเรือนเป็นหลัก

แม้จะกำหนดให้การส่งออกและนำเข้าในรูปดอลลาร์หดตัวเฉลี่ย -3.48% และ -5.53% ตามลำดับ ในปี 2558 แต่เงินบาทที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐเฉลี่ย 34 บาท (อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับ 32.83 บาทในปี 2557) จะทำให้มูลค่าการส่งออกและนำเข้าในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 1.4% และ 3.2% ตามลำดับ

เช่นเดียวกับสำนักวิจัยบางแห่งได้ออกมาปรับเพิ่มประมาณการฯในปีนี้ขึ้นเช่นกัน โดยล่าสุด มหาวิทยาลัยหอการค้า ได้ปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจในปีนี้จากเดิม 2.5-2.9% มาเป็น 2.8%-3.3% โดยประเมินว่าในไตรมาส 4/58 เศรษฐกิจไทยน่าจะฟื้นตัวในลักษณะเดียวกับที่ ASPS ได้นำเสนอข้างต้น   ซึ่งถือเป็น sentiment เชิงบวกต่อตลาดหุ้นอย่างน้อยในระยะสั้นๆ 1-2 สัปดาห์

 

แม้ดัชนีตลาดปัจจุบันจะมี Current PER 15.7 เท่า เกินจากระดับดัชนีเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่อิง Expected PER 15.5 เท่าก็ตาม แต่ผลบวกจากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจอาจจะสร้างความเชื่อมั่นต่อผลการดำเนินงานของตลาดที่ดีขึ้นในอนาคต คาดว่าน่าจะดันให้ดัชนีตลาดในปีนี้ มีค่า Expected PER เพิ่มขึ้น 1-2 เท่า ไปสู่ระดับ 16-16.5 เท่า ในลักษณะใกล้เคียงกับปี 2544-2545 ซึ่งพบว่า หลังมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจผลักดันให้ PER ตลาดขึ้นจากระดับ 8 เท่าปลายปี 2544 เป็น 12 เท่าในงวดต้นปี 2545

นั่นหมายความว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยน่ามีโอกาสขึ้นไปแตะ 1,436-1,486 จุด เทียบกับดัชนีตลาดหุ้นวานนี้ที่ 1,396 จุด พบว่ามี upside หรือ 2.9-6.4% โดยกลยุทธ์การลงทุนแนะนำเป็นรายหุ้น โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่ม Domestic Play ได้แก่ CK, SCC, TASCO, ROBINS, ADVANC, KBANK, INTUCH, BTS และ TCAP  เป็นต้น ขณะที่หุ้น Top picks ยังเลือก SCC, KBANK และ TCAP

 

*วันนี้เพิ่ม TCAP เข้ามาเนื่องจากได้ประโยชน์จากมาตรการรัฐในหลายด้าน ทั้งสินเชื่อ SMEs, การปลดล๊อกรถยนต์คันแรก จากเดิม 5 ปี เหลือ 3 ปี ทำให้เกิดการเปลี่ยนมือได้ ช่วยให้บริษัทที่ยึดรถยนต์นำออกมาขายได้ และล่าสุดการปรับลดภาษีส่งออกรถยนต์มือ ทั้ง 3 ประเด็นเอื้อประโยชน์ให้กับ TCAP ทั้งสิ้น

 

ที่มา: บทวิเคราะห์ Market Talks

Back to top button