KUN โชว์ฐานะการเงินแกร่ง รับงบฯปี 63 โตแรง! เชื่อปี 64 โตต่อ เป้ายอดขาย 1.5 พันลบ.

KUN โชว์ฐานะการเงินแกร่ง รับงบฯปี 63 โตแรง! เชื่อปี 64 โตต่อ เป้ายอดขาย 1.5 พันลบ.


นางประวีรัตน์ เทวอักษร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิลล่า คุณาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ KUN นำเสนอข้อมูลผลประกอบการงวดปี 2563 และแนวโน้มผลประกอบการปี 2564 ในงานบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน (Opportunity Day) กับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า ผลการดำเนินงานปี 63 ที่ผ่านมาบริษัทฯสามารถสร้างสถิติผลการดำเนินงานสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ โดยมีกำไรสุทธิ 84.64 ล้านบาท เติบโต 49.4% เมื่อเทียบกับปี 62 ที่มีกำไรสุทธิ 56.65 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 803.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.2% เมื่อเทียบกับปี 62 ที่มีรายได้รวม 652.67 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ถึงแม้ว่าภาพรวมของเศรษฐกิจโดยรวมในประเทศชะลอตัวหลังจากที่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 4/63 มีรายได้รวม 303.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 111.68 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 191.80 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 42.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.53 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 13.50 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตดังกล่าวเป็นผลจากการรับรู้รายได้จากโครงการที่เปิดขายจำนวน 7 โครงการ ประกอบด้วย โครงการที่ตั้งอยู่จังหวัดนนทบุรี 6 โครงการ และโครงการที่ตั้งอยู่จังหวัดฉะเชิงเทรา 1 โครงการ

สำหรับทิศทางผลประกอบการในปี 2564 บริษัทตั้งเป้าอัตราการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ายอดขายจะเติบโตขึ้นแตะระดับ 1,500 ล้านบาทจากปีก่อนที่มียอดขาย 1,410 ล้านบาท ขณะที่ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 10-15% จากปีก่อนที่ทำได้ 799.64 ล้านบาท โดยต้นปี 2564 บริษัทฯ จะมีการรับรู้รายได้จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ที่มีอยู่ 333 ล้านบาทเข้ามาทั้งหมด ซึ่งจะหนุนผลประกอบการตั้งแต่ไตรมาส 1/2564

อีกทั้งบริษัทเตรียมเปิดตัว 2 โครงการใหม่ในปี 64 มูลค่าโครงการราว 3,560 ล้านบาท เพื่อตอบรับกับดีมานด์ของลูกค้าที่สูงขึ้นท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19

ด้านการขยายการลงทุนนั้น บริษัทตั้งงบลงทุนรวม 1,800 ล้านบาท เพื่อเปิดโครงการใหม่เพิ่ม ซึ่งเป็นโครงการแนวราบทั้งหมด โดยบริษัทฯยังคงมุ่งเน้นพัฒนาพื้นที่บนในทำเลรอบกทม.และปริมณฑล ทั้งโซนทิศเหนือ ตะวันตก ตะวันออก และใต้

โดยมองว่าภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แนวราบในครึ่งปีแรก 2564 มีโอกาสเติบโตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยมองว่า กลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อและต้องการอยู่อาศัยจริง (Real Demand) ยังมีความต้องการสูง ขณะที่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคในยุค New normal ส่งผลดีต่อความต้องการบ้านเดี่ยว ซึ่งบริษัทจะนำกลยุทธ์ด้านการตลาด การออกแบบโครงการ เพื่อนำมาปรับแผนการทำงานของบริษัทฯให้สามารถแข่งขัน และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค

“ปี 2564 ยังมีความท้าทายในเรื่องของการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศยังชะลอตัว ส่งผลให้การปล่อยสินเชื่ออาจจะยากมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทเองยังมีความพร้อมในแง่ของฐานะการเงินทำให้เชื่อว่าในปีนี้ยังจะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่บริษัทวางไว้ได้ คือการเติบโตระดับ 10-15%”  นางประวีรัตน์ กล่าว

 

ด้าน นายสุรเดช ประจวบศรีรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชี การเงิน และงบประมาณ เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ ในไตรมาส 4/63 ที่ผ่านมาเป็นไตรมาสที่บริษัททำรายได้สูงที่สุด โดยมีรายได้ 303 ล้านบาท ขณะที่จำนวนผู้เยี่ยมชมโครงการสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ โดยมีลูกค้ามาเยี่ยมชมโครงการทั้งปี 2563 เกินเป้าที่ตั้งไว้ที่ 1,602 Walk แต่มีผู้เข้าเยี่ยมชมสูงถึง 1,816 Walk

โดยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้มีความต้องการบ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้นจากการทำงานจากบ้าน (WFH) ทำให้ลูกค้ามองหาบ้านที่มีพื้นที่จากช่วงล็อคดาวน์  เป็นตัวผลักดันให้ยอดพรีเซลล์สูงขึ้น

สำหรับทิศทางปี 2564 ตั้งเป้าการเติบโตต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ายอดพรีเซลล์ปีนี้ 1,500 พันล้านบาท โดยขณะนี้บริษัทฯ มีงานในมือ (backlog) ที่รอรับรู้รายได้มูลค่ากว่า 333 ล้านบาทมาจากปี 63 ซึ่งจะทยอยรับรู้ไตรมาส 1 และไตรมาส 2/2564 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีโครงการอยู่ระหว่างการก่อสร้างมูลค่ากว่า 2,318 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นโปรเจคที่จะทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2564-2566 ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีรายได้อย่างต่อเนื่องถึง 2 ปี

ด้านฐานะการเงินของบริษัทฯ มีการปรับตัวดีขึ้นหลังการกำไรปี 2563 ออกมาแข็งแกร่ง โดยสินทรัพย์เติบโตขึ้นจากโครงการที่เพิ่มขึ้น ขณะที่สัดส่วนหนี้สินเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากการก่อสร้าง และพัฒนาโครงการ

“ที่ผ่านมาบริษัทดูแลสภาพคล่องบริษัท โดยเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดปี 2563 เท่ากับ 89 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทรักษาสภาพคล่องช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 ไว้สำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่นภาวะที่เศรษฐกิจหดตัวอย่างรุนแรง หรือประเทศต้องมีการล็อกดาวน์ โดยเงินสดดังกล่าวสามารถนำมาดูแลพนักงานได้ถึง 1 ปี โดยไม่ต้องปรับลดพนักงาน ด้านส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ปี 2563 ที่ 1.02 เท่า ซึ่งเราพยายามรักษาให้อยู่ในระดับเหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในระยะยาว”  นายสุรเดช

สำหรับการจ่ายเงินปันผลนั้น บริษัทฯ มีนโยบายไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ ซึ่งบริษัทให้ความสำคัญกับผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น ล่าสุดได้มีการประกาศการจ่ายเงินปันผลเป็นหุ้นและเงินสดรวม  0.11 บาท/หุ้น โดยจ่ายเป็นเงินสด 0.06 บาทต่อหุ้น และจ่ายเป็นหุ้นเป็นหุ้น 0.05 บาท ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 11 พ.ค.2564 และกำหนดจ่ายปันผล 24 พ.ค.2564

Back to top button