เปิดอัพไซด์ 8 หุ้นเรือ ราคาทะยานแรงรับ BDI ขาขึ้น! หนุนผลงาน Q1 ฟื้นแกร่ง

เปิดอัพไซด์ 8 หุ้นเรือ หลังทะยานแรงรับ BDI ขาขึ้น! หนุนผลงาน Q1 ฟื้นแกร่ง


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจและรวบรวมราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่ดำเนินธุรกิจขนส่งทางเรือ กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง รวมถึงหุ้นโลจิสติกส์ที่มีการขนส่งทางเรือ หลังจากวานนี้ (22 มี.ค.2564) ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ภายหลังจากดัชนีค่าระวางเรือ (Baltic Dry Index : BDI) ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 1 ปี 6 เดือน นับตั้งแต่อยู่ที่ระดับ 2,283 เมื่อวันที่ 17 ก.ย.2562

โดย BDI เป็นดัชนีที่ถูกจัดทำขึ้นเพื่อเป็นตัวกำหนดค่าระวางเรือหรือราคาการขนส่ง-ขนย้ายสินค้าทางทะเล ดังนั้นการที่ BDI เปลี่ยนแปลงจะส่งผลต่อรายได้ของกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวกับการเดินเรือขนส่งทางทะเล นั่นคือ หาก BDI มีแนวโน้มขาขึ้น รายได้ของกลุ่มเดินเรือขนส่งทางทะเลก็จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตาม

(คลิกที่ภาพเพื่อขยายขนาด)

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่าประเด็นดังกล่าวเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มเดินเรือ อย่างไรก็ตามบจ.ที่จะได้รับปัจจัยบวกโดยตรงมีเพียงผู้ดำเนินธุรกิจจากสินค้าเรือเทกอง อย่าง บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSL และบริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA ซึ่งดัชนี BDI ที่ปรับตัวขึ้นจะส่งผลให้ผลประกอบการไตรมาส 1/2564 เริ่มฟื้นตัว ขณะที่นักวิเคราะห์ยังมีมุมมองที่คาดว่าค่าระวางจะอยู่ในระดับสูงไปอีก 1-2 ปี

ส่วนหุ้นเดินเรืออื่นๆ ไม่เกี่ยวข้องกับโดยตรงกับประเด็นดังกล่าว แต่สำหรับภาพรวมหุ้นในกลุ่มเดินเรือที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมองว่าเป็นเพียงบวกตามบรรยากาศปัจจัยบวกดังกล่าวเท่านั้น โดยหุ้นที่คาดว่าจะได้รับปัจจัยอานิสงส์จาก Sentiment มีดังนี้ PRM,, AMA, VL, WICE , JWD และ RCL

อย่างไรก็ตามราคาหุ้นกลุ่มดังกล่าวเริ่มมีมาปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนใกล้ถึงราคาเป้าหมายจากนักวิเคราะห์ ดังนั้น “ข่าวหุ้นธุรกิจ” จึงได้ทำการสำรวจอัพไซด์จากราคาเป้าหมายจาก IAA Consensus มาเพื่อประกอบการตัดสินใจในการเข้าลงทุนมาดังนี้

โดยราคาหุ้นกลุ่มเดินเรือที่ปิดตลาดวานนี้ (22 มี.ค.64) ราคาปรับตัวขึ้นมีดังนี้ PSL ปิดที่ระดับ 14.60 บาท บวกไป 1.90 บาท หรือขึ้นไป 14.96% มูลค่าการซื้อขาย 643.16 ล้านบาท , TTA ปิดที่ระดับ 13.20 บาท บวกไป 3 บาท หรือขึ้นไป 29.41% มูลค่าการซื้อขาย 2.93 พันล้านบาท

ด้าน PRM ปิดที่ระดับ 8.40 บาท บวกไป 0.45 บาท หรือขึ้นไป 5.66% มูลค่าการซื้อขาย 1.86 พันล้านบาท ,AMA ปิดที่ระดับ 6.80 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 6.25% มูลค่าการซื้อขาย 410.21 ล้านบาท

ด้าน VL ปิดที่ระดับ 2.06 บาท บวกไป 0.16 บาท หรือขึ้นไป 8.42% มูลค่าการซื้อขาย 246.93 ล้านบาท ,
WICE ปิดที่ระดับ 6.40 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 1.59% มูลค่าการซื้อขาย 123.10 ล้านบาท ,JWD ปิดที่ระดับ 9.05 บาท บวกไป 0.35 บาท หรือขึ้นไป 4.02% มูลค่าการซื้อขาย 210.75 ล้านบาท และRCL ปิดที่ระดับ 26.25 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 0.96% มูลค่าการซื้อขาย 465.21 ล้านบาท

ขณะที่ บล.เคทีบีเอสที มองแนวโน้มค่าระวางที่คาดว่าจะอยู่ในระดับสูงในระยะยาว โดย ดัชนี BSI index ซึ่งเป็นดัชนีค่าระวางเรือขนาดเล็ก ได้ปรับตัวขึ้นมาถึง 106% นับตั้งแต่ต้นปี โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 2,114 จุด (+180% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน, +47% จากเดือนก่อน

ด้าน บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ “ซื้อ” TTA โดยมองว่าบริษัท พร้อมจะ Turnaround พลิกเป็นกำไรในปี 2564 เป็นต้นไป จากธุรกิจเรือเทกองและธุรกิจบริการนอกชายฝั่งซึ่งเป็น 2 ใน 3 ธุรกิจหลักของบริษัท โดยในธุรกิจเรือเทกองมีแนวโน้มแข็งแกร่งจากปริมาณกองเรือทั่วโลกในช่วง 2 ปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโตเพียง 1-2.6% เติบโตต่ำกว่าปริมาณการค้าสินค้าเทกองที่คาดโต 4% ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ช่วยหนุนอัตราค่าระวางให้สูงต่อเนื่อง บริษัทยังเตรียมซื้อเรือ 2-3 ลำในปีนี้เพื่อรองรับความต้องการที่มีสูง

ขณะที่ธุรกิจบริการนอกชายฝั่งมี Backlog แล้วสูงถึง US$190 ล้านเหรียญ (ราว 5.8 พันลบ.) ทยอยส่งมอบในปี 2564-2565 และปีนี้ไม่มีเรือเข้าอู่แห้ง โดยคาดปี 2564 พลิกเป็นกำไร 754.0 ล้านบาท และโตต่อเนื่อง 19.5% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ในปี 2565 บริษัทมีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง เงินสดและเงินลงทุนมีกว่า 7 พันล้านบาท หรือ 4.22 บาท/หุ้น ประเมินราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 12 บาท (PBV 1.3 เท่า)

อีกทั้ง บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า PSL ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ โดยอัตราค่าระวางเรือเทกองทำสถิติสูงสุดในรอบ 10 ปี และคาดจะเป็นทิศทางเช่นนี้ในช่วงปี 64-65 บริษัทมีเรื่องราวของการฟื้นตัวอย่างแท้จริง เพราะคาดว่าจะพลิกมาเป็นกำไรเป็นปีแรกในรอบ 9 ปีทีเดียว (ยกเว้นปี 61) จากปี 63 ที่มีขาดทุนจากธุรกิจหลัก (Core Losses) ที่ 601 ล้านบาท คาดว่าปี 64 และ 65 จะพลิกกลับมาเป็นกำไรหลักถึง 1.3 และ 1.7 พันล้านบาท ตามลำดับ ให้ราคาพื้นฐานเป็น 13.60 บาท (P/BV ที่ 1.85 เท่า)

*อนึ่งข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button