ประยุทธ์ลำพอง

ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญถูกคว่ำ ประยุทธ์เย้ยซ้ำ อยากหยุดวงจรสืบทอดอำนาจ ก็แก้รัฐธรรมนูญให้ได้แล้วกัน


ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง

ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญถูกคว่ำ ประยุทธ์เย้ยซ้ำ อยากหยุดวงจรสืบทอดอำนาจ ก็แก้รัฐธรรมนูญให้ได้แล้วกัน

ใครจะแก้ได้ ถ้าแก้ทั้งฉบับต้องทำประชามติก่อน ประชามติชนะ ก็โดน 250 ส.ว.จับมือพลังประชารัฐขัดขวาง หาทางแก้ได้ยากอยู่ดี

ถ้าจะแก้รายมาตรา ยิ่งยากไปใหญ่ เช่นแก้ 269, 272 ไล่ 250 ส.ว.ไม่ให้มีอำนาจโหวตนายกฯ แม้ไม่ต้องทำประชามติ แต่ต้องให้ ส.ว.เห็นชอบ 1 ใน 3

ส.ว.ที่ไหนจะยกมือคว่ำชามข้าวตัวเอง คงต้องเกิดม็อบใหญ่มหึมา เกิดจลาจล หรือประเทศวิบัติ จึงบังคับ 84 ส.ว.ได้ แล้วจะเอาม็อบมาจากไหน แค่ม็อบ REDEM 20 มีนา ตำรวจก็ยิงกระสุนยางไม่เลือกหน้า ไม่ว่าเด็กคนแก่หรือนักข่าว

“ไม่เลือกก็ได้” 26 มีนา 2562 คนไม่เอาประยุทธ์เกินครึ่ง คนเลือกไม่ถึง 1 ใน 4 แต่ตั้ง 250 ส.ว.มาโหวตตัวเอง บวกสูตรเศษมนุษย์ ยุบพรรคตัดสิทธิ ดูด ส.ส.จนกลายเป็น “เผด็จการรัฐสภา” ของจริง ไม่ใช่แบบทักษิณที่ได้เสียงข้างมากจากเลือกตั้ง

ยุบสภาหรือรอเลือกตั้งครั้งหน้าก็ซ้ำรอย พปชร.จะได้มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะนักการเมือง หัวคะแนน กำนันผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน นักธุรกิจ ฯลฯ เห็นชัดว่าเลือกอย่างไรก็ได้ประยุทธ์เป็นนายกฯ ถ้าอยากอยู่ข้างอำนาจ ก็ต้องเลือกพรรครัฐบาล โดยยังไม่นับอาวุธกระสุนกลไกรัฐสนับสนุนพรั่งพร้อมทุกอย่าง

ระบอบประยุทธ์จึงปิดทางสู้ในระบบ ปิดทางเปลี่ยนแปลงโดยสันติ เว้นแต่จะนำประเทศไปสู่วิบัติ ฉิบหายร้ายแรง หรือเกิดจลาจล หรือเกิดรัฐประหารฉีกรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งก็เป็นไปไม่ได้อีก เพราะอำนาจหนุนหลังคุมทหารไว้เป็นปึกแผ่น สั่งซ้ายหันขวาหัน

ประยุทธ์จึงโอหัง มั่นใจว่าไม่มีใครทำอะไรได้ เพราะรัฐราชการเป็นใหญ่ ใต้อำนาจอนุรักษ์นิยมถอยหลัง มีทหารตำรวจเป็นขุนพลฝั่งซ้าย มีตุลาการองค์กรอิสระเป็นขุนพลฝั่งขวา ใช้อำนาจใช้กฎหมายปราบปรามคนต่อต้านอย่างรุนแรง บังคับให้หวาดกลัว ให้ยอมจำนนแล้วจะได้ยังชีพด้วยคนละครึ่ง

แต่อีกร่างหนึ่ง ก็มีนักการเมืองเป็นมือเท้า เป็นการ “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” ที่ถอยหลังไปยุคก่อนรัฐธรรมนูญ 2540 กวาดต้อนนักการเมือง “บ้านใหญ่” มาใช้เล่ห์กลอิทธิพลอุปถัมภ์แบบดั้งเดิม ควบคู่กับการใช้องค์กรอิสระพวกอ้างศีลธรรมปราบโกง ฯลฯ เอาชนะฝ่ายตรงข้าม

ถ้าจะมีปัญหาตอนนี้ก็มีข้อเดียวคือนักการเมืองพลังประชารัฐอัดอั้น ได้ตำแหน่งต่างตอบแทนไม่คุ้ม เพราะประยุทธ์ขนโควตากลางมานั่งทับ จนมีข่าวจะต้องตั้งพรรคใหม่

ความไม่ชอบธรรมของระบอบ เป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่มองเห็น แต่หนึ่งกลัวอำนาจ สองกลัวความไม่สงบ สาม เศรษฐกิจยิ่งแย่คนยิ่งหวังพึ่งรัฐ เลยผลัดว่าขอเวลาหายใจก่อน รอเลือกตั้งใหม่ หรือรอ 5 ปี 250 ส.ว.ก็ไป แต่ถึงวันนั้นจริง รัฐอนุรักษ์นิยมก็ไม่ยอมคลายอำนาจ

อย่างไรก็ดี ระบอบ “ประชาธิปไตยปลอม” ไม่ใช่ไม่มีจุดอ่อนเสียเลย ปัญหาของระบอบนี้คือ ไม่ยอมเป็นประชาธิปไตย แต่ก็ไม่ต้องการย้อนไปเป็นเผด็จการเต็มใบ เพื่อให้โลกยอมรับ ไม่ขัดกติกาการค้าการลงทุนท่องเที่ยว แต่การใช้กำลังใช้ความอยุติธรรมปราบม็อบ ก็สั่นคลอนสถานะนี้แล้ว

ในสายตานักลงทุน ก็ไม่เชื่อว่าประเทศไทยจะอยู่ในระบอบนี้ได้เรื่อยไป ถ้าไม่เกิดวิกฤติเกิดม็อบเกิดพลังต่อต้านที่ใหญ่โตกว้างขวางขึ้น ก็ต้องเกิดรัฐประหาร

คำพูดของประยุทธ์เอง ที่โอหังลำพอง ก็กระตุ้นความไม่พอใจของหลายฝ่าย ไม่ต้องพูดถึงคนรุ่นใหม่ ในพรรคร่วมรัฐบาล ในฝ่ายอนุรักษ์นิยมด้วยกัน ก็มีคลื่นใต้น้ำรอโอกาสดัดหลังอยู่

ถ้าเปรียบเทียบง่าย ๆ แม้ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว ก็เหมือนทักษิณชนะเลือกตั้งถล่มทลาย 19 ล้านเสียง 377 ส.ส. ถึงจุด Peak ไม่นานก็โดนสหบาทา

ประยุทธ์มีอำนาจมหึมาหนุนหลัง แต่คนจองกฐินก็ไม่น้อยเช่นกัน

Back to top button