TIDLOR ซิ่งต่อไหม

“เงินติดล้อ” TIDLOR เข้าซื้อขายวันแรกผ่านไปได้ด้วยดี


ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร

เงินติดล้อ” TIDLOR เข้าซื้อขายวันแรกผ่านไปได้ด้วยดี

ราคาเปิดตลาด 53.50 บาท สูงกว่าราคาไอพีโอ (36.50 บาท) 17.00 บาท เปลี่ยนแปลง บวก 46.57%

หากนักลงทุนรายย่อยคนไหนได้รับจัดสรร 1,000 หุ้น แล้วตั้งขายราคาเปิด เท่ากับว่าจะได้กำไรประมาณ 17,000 บาท หักค่าคอมมิชชั่นแล้ว ก็น่าจะเหลือ 16,800 บาท

หลังจากเปิดตลาดแล้ว ราคาขึ้นไปสูงสุด 55.50 บาท

ที่ระดับ 55.50 บาท หากใครขาย 1,000 หุ้น เท่ากับว่า กำไรจะเพิ่มขึ้นเป็น 19,000 บาท

ระหว่างวันของการเข้าซื้อขายวันแรก

เงินติดล้อราคาวิ่งเฉลี่ย 48.00-49.00 บาท

กระทั่งเข้าสู่ช่วงเวลา 15.30 น. โดยประมาณ ราคาหุ้นค่อย ๆ ปรับลดลง มีแรงขายทำกำไรออกมา และมาปิดตลาดที่ 45.75 บาท เพิ่ม 9.25 บาท (จากไอพีโอ) เปลี่ยนแปลง +25.34%

มีประเด็นที่น่าสนใจ

นั่นคือ มูลค่าการซื้อขายของเงินติดล้อมีจำนวนกว่า 33,217 ล้านบาท

ทว่า ตัวเลขวอลุ่มนี้ยังต่ำกว่าของหุ้น OR ที่ทำสถิติสูงสุดไว้ที่ระดับ 4.6-4.7 หมื่นล้านบาท

สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนต่างสนใจเข้าซื้อขาย หรือเก็งกำไรหุ้นตัวนี้ค่อนข้างมากเป็นพิเศษ และเป็นไปตามที่ประเมินกันไว้

เงินติดล้อนั้น ใช้วิธีการกระจายให้คล้าย ๆ กับของ OR

นั่นคือ เปิดให้นักลงทุนทั่วไปที่เป็นรายย่อยจองซื้อได้ แต่ที่แตกต่างจาก OR คือ คนจองเงินติดล้อ จะไม่ถูกการันตีว่าได้หุ้นทุกคนแน่นอน หรือต้องมีการ “สุ่ม”

แม้ในช่วงของการขายหุ้นไอพีโอจะเกิดอุปสรรคบ้างในด้านการสื่อสารไปถึงรายย่อย (ประเด็นกรีนชู)

แต่ก็ต้องยอมรับว่า เงินติดล้อ ค่อนข้างแก้ปัญหาได้รวดเร็ว

โดยเฉพาะช่วงเวลา “การคืนเงินจองหุ้น” ให้กับรายย่อย

ทำให้แรงกระเพื่อมจากความไม่พอใจของนักลงทุนลดลงไปได้เยอะ

สะท้อนถึง Crisis management ของผู้บริหารเงินติดล้อ ที่ถือว่า “ผ่าน”

มาถึงคำถามที่ว่า แล้วราคาหุ้นเงินติดล้อ นับจากนี้จะวิ่งไปต่อได้แค่ไหน จะลดลงจากวานนี้ หรือเพิ่มขึ้นไปอีก

คำถามนี้ คงจะตอบได้ยาก

แต่หากดูจากความเคลื่อนไหวของหุ้นไอพีโอ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มลีสซิ่ง เช่น MTC SAWAD และ SAK

จะพบว่าในช่วงสัปดาห์แรก ราคาหุ้นยังเป็นขาขึ้น

ต่อจากนั้นราคาหุ้นจะค่อย ๆ ปรับลดลง ตามแรงเก็งกำไรที่ค่อย ๆ ลดลงไป

ส่วนราคาจะดีดกลับขึ้นมาอีกครั้งในช่วงไหน และอย่างไร

นั่นก็ต้องขึ้นกับผลประกอบการของหุ้นนั้น ๆ อย่างของเงินติดล้อเอง ในปี 2564 นักวิเคราะห์คาดการณ์กำไรไว้ว่าจะเติบโตมากกว่า 30%

หากแต่ละไตรมาสมีกำไรออกมาเป็นไปตามที่คาดการณ์ หรือดีกว่า

ราคาหุ้นก็จะค่อย ๆ เป็นตัวสะท้อน หรือล้อไปกับผลประกอบการนั่นแหล่ะ

นักลงทุนคนไหนเล่นสั้น ก็ต้องจับจังหวะของกราฟให้ดี

ส่วนกลุ่มนักลงทุนระยะยาว มีเงินเย็นที่สะสมไว้มาซื้อ ก็คงปล่อยหุ้นไว้ในพอร์ตได้

ระยะราคาหุ้นก็น่าจะวิ่งขึ้นไปได้เหมือนกับหุ้นรุ่นพี่ ๆ ลีสซิ่งที่เข้ามาเทรดกันก่อนหน้านี้

เงินติดล้อ ณ สิ้นปี 2563 มีสินเชื่อคงค้างอยู่ประมาณ 5.13 หมื่นล้านบาท และสัดส่วนสินเชื่อจำนำทะเบียนรถราว 75.6% ของสินเชื่อทั้งหมด

ส่วนแบ่งตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนรถอยู่ที่ 25-26%

เป็นของ MTC ที่มีมาร์เก็ตแชร์ระหว่าง 33-34%

ส่วน SAWAD น่าจะอยู่ประมาณ 15-16%

จุดเด่นของเงินติดล้อ ยังอยู่ที่ธุรกิจการเป็น “นายหน้าขายประกัน” ที่มีอัตรามาร์จิ้นสูงมาก หรือราว ๆ 21-22%

ปัจจุบันรายได้จากประกันคิดเป็น 8-9% ของรายได้ทั้งหมดของเงินติดล้อ

เงินติดล้อยังมีการตั้งการ์ดที่แน่นมาก Coverage ratio สูงกว่า 320% และอย่างที่เคยเขียนไปก่อนหน้านี้ว่า ที่ผ่านมา เงินติดล้อจะนำกำไรไปตั้งสำรองสูง

แต่เมื่อเข้ามาอยู่ในตลาดหุ้น อาจลดตั้งสำรองลงไปบ้าง (สำรองสูงอยู่แล้ว) เพื่อเพิ่มกำไรให้มากขึ้น

สรุปแล้ว นับจากวานนี้ไปจนประมาณ 30 วัน

ราคาหุ้นเงินติดล้อ น่าจะล้อไปตามแรงเก็งกำไรเป็นส่วนใหญ่

ต่อจากนั้น ก็น่าจะค่อย ๆ วิ่งคู่ขนานไปกับพื้นฐานของหุ้นนั่นแหละ

Back to top button