ทุบหุ้นใหญ่

* หลังจาก “โมนิก้า” ไล่เรียงประเด็นสำคัญที่มีผลโดยตรงกับการทรุดตัวของดัชนีไปเมื่อวันก่อน วันนี้ก็ถึงคิวของการลงรายละเอียดทั้งหมด เพื่อทำให้แฟนคลับเข้าใจถึงท่าทีของนักลงทุนสถาบันมากขึ้น เพราะการทรุดตัวของตลาดหุ้นทั่วโลกเกี่ยวพันโดยตรงกับ เงินเฟ้อของประเทศอเมริกาที่ขึ้นไปแตะระดับ 3% ซึ่งอาจทำให้เฟดต้องเลือกใช้วิธีขึ้นดอกเบี้ย เพื่อสกัดกั้นสถานการณ์ไม่ให้ลุกลามไปมากกว่านี้นะจ๊ะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

* หลังจาก “โมนิก้า” ไล่เรียงประเด็นสำคัญที่มีผลโดยตรงกับการทรุดตัวของดัชนีไปเมื่อวันก่อน วันนี้ก็ถึงคิวของการลงรายละเอียดทั้งหมด เพื่อทำให้แฟนคลับเข้าใจถึงท่าทีของนักลงทุนสถาบันมากขึ้น เพราะการทรุดตัวของตลาดหุ้นทั่วโลกเกี่ยวพันโดยตรงกับ เงินเฟ้อของประเทศอเมริกาที่ขึ้นไปแตะระดับ 3% ซึ่งอาจทำให้เฟดต้องเลือกใช้วิธีขึ้นดอกเบี้ย เพื่อสกัดกั้นสถานการณ์ไม่ให้ลุกลามไปมากกว่านี้นะจ๊ะ

* ประจวบกับมีข่าวเม้าท์เกี่ยวกับลดวงเงิน QE หนาหูมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็เป็นอีกหนึ่งชนวนเหตุที่ทำให้นักเล่นกลุ่มสถาบันเร่งขายหุ้นออกไปก่อน เพราะโมเมนตัมของการลงทุนกำลังเปลี่ยนอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกตกอยู่ในสภาพแดงเถือกกันเป็นแถว และผลของเรื่องดังกล่าวก็ทำให้หุ้นบลูชิพของไทยกลายเป็นเป้านิ่งถูกโจมตีจากทุกด้านแบบนี้..โกยเถอะโยม!

* ถึงกระนั้นยังมีแรงซื้อเข้ามารับหุ้นเป็นระลอก จนดัชนีเด้งขึ้นมาปิดที่ 1,571.85 จุด จากเดิมทิ้งดิ่งลงไปทำจุดต่ำสุดของวันที่ระดับ 1,557.94 จุด และเหลือแค่ลบ 7.08 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.17 แสนล้านบาท “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นเกมที่น่าพอใจสำหรับคนที่เน้นซื้อสะสม เพราะตีความอีกนัยหนึ่งได้ว่า นักลงทุนบางส่วนเล็งเห็นโอกาสในการเข้าลงทุน จึงไม่อยากพลาดโอกาสนี้ไงล่ะคะ

* ส่วนรายที่ไม่น่าเสี่ยงเข้าไปลงทุนคงต้องมองไปที่ KBANK หลังสตอรี่ต่าง ๆ ไม่ปังเอาเสียเลย แถมนักเล่นกลุ่มสถาบันก็ไม่ชอบขี้หน้า..อุ๊ย..ไม่ปลื้มปริ่ม จึงโดนขายทิ้งเป็นเวลาร่วมเดือนครึ่ง จนหุ้นหลุดแนวรับสำคัญลงมาหมดทุกแนว ก่อนจะปิดที่ระดับ 119.50 บาท ลบไป 5.50 บาท หรือลงไป 4.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.03 พันล้านบาท จึงกลายเป็นหุ้นต้องห้ามสำหรับนักเล่นที่เงินไม่ถึงนะจ๊ะ

* เช่นเดียวกับในรายของ MTC ที่ทำผลงานได้ดี แต่นักเล่นกลุ่มสถาบันดันไม่ปลื้ม จึงโดนกระหน่ำขายชนิดที่ต้องร้องขอชีวิตกันเลยทีเดียว ยิ่งมองย้อนกลับไปดูราคาหุ้นช่วงกลางเดือนก่อนอยู่ที่บริเวณ 71 บาท แต่วันนี้ยืนปิดที่ระดับ 56.50 บาท ลบไป 3.25 บาท หรือลงไป 5.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.97 พันล้านบาท มันทำให้ดูเหมือนว่า หุ้นจะม้วนตัวลงไปหาฐานเก่าบริเวณ 50 บาทอย่างไรก็ไม่รู้สินะ!

* อีกรายที่น่าประหลาดใจสุด ๆ “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นสายฮา HANA (ฮานะ) เพื่อชี้ให้เห็นเรื่องกลับตาลปัตรแบบงง ๆ เพราะก่อนหน้านี้มีแต่เสียงเชียร์ให้ลุย เพราะเป็นยุคทองของหุ้นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ขนานแท้ แต่ราคาหุ้นในช่วงหนึ่งเดือนกลับมีแต่ทรุดลง ขณะที่วานนี้หุ้นเด้งขึ้นปิด 54.75 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 2.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.04 พันล้านบาท ท่ามกลางค่า PE 22 เท่าแบบนี้..ฝรั่ง กับ กองทุน ไม่เอาแล้วใช่ไหม?..ช่วยบอกหน่อยค่ะ

* เม้าท์ถึงประเด็นที่ไม่มีคนเอา และจะไม่มีคนเอามากขึ้นเรื่อย ๆ “โมนิก้า” คงชี้เป้าไปที่หุ้นเถ้าแก่มั่ว TKN หลังกำไรไตรมาส 1 หดตัวแรงแบบน่าตกใจ ประสานกับสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกยังระบาดหนัก จึงทำให้เชื่อว่า งบไตรมาส 2 ต่อเนื่องไตรมาส 3 ก็คงออกทะเลไปเหมือนกัน เดี๊ยนถึงสงสัยว่า การยืนปิดที่ 7.45 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 2.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 233 ล้านบาท คงไม่ใช่จุดต่ำสุดของการเล่นปีนี้กระมัง!..อิอิอิ

* ส่วนรายที่ทำท่าเหมือนจะฟื้นอย่าง CRC ก็ดันมาเจอการระบาดรอบ 3 เสียก่อน! ถึงกับไปไม่เป็นขบวนแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องสุดวิสัยของการทำธุรกิจ และเป็นไฟต์บังคับที่ทำให้นักเล่นสถาบันต้องสาดไม่ยั้ง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หุ้นลงมายืนปิดที่ 32.50 บาท ลบไป 2.50 บาท หรือลงไป 7.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.02 พันล้านบาท และมีสิทธิ์ไหลไปถึงฐานเดิมบริเวณ 25 บาท เพราะมันไม่มีประเด็นที่ทำให้เชื่อว่า ควรถือหุ้นต่อไปน่ะสิ

* สำหรับรายที่บ้าเต็มขั้นอย่างหุ้น DELTA ถือเป็นตัวป่วนตลาดที่ทำให้ทุกอย่างดูสับสนไปหมด และยังทำให้การเคลื่อนตัวของดัชนีไม่สะท้อนความจริง “โมนิก้า” ถึงอยากถามแฟนคลับว่า การขึ้นมายืนปิดที่ 558 บาท บวกไป 94 บาท หรือขึ้นไป 20.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 9.54 พันล้านบาท ท่ามกลางค่า PE 75 เท่า มันเป็นเกมที่บ้าระห่ำเกินไปไหม? และคุณ ๆ ท่าน ๆ ต้องให้ความสนใจหรือเปล่า?..ลองถามใจคุณดูนะคะ

Back to top button